Skip to main content

Post#5-142: Short-term Win?

Post#5-142:
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ Candidate ท่านหนึ่ง...ซึ่งผมก็ใช้เวลาพูดคุยและแลกเปลี่ยนมุมมองกันหลายเรื่อง

ที่ผมไม่ใช่คำว่าสัมภาษณ์”...เพราะตอนนี้มุมมองของผมในการเลือกคนมาร่วมงานด้วยนั้น เปลี่ยนไปมาก

เอาจริงๆ ผมว่า ในขณะที่เราเลือกคนมาทำงานด้วยนั้น...ตัว Candidate เอง ก็เลือกเช่นกันว่า ตัวเราและองค์กรของเรา มีแรงดึงดูดที่มากพอหรือไม่?

...

แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคำนึงถึงเรื่องผลตอบแทนเป็นหลัก...แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกงาน ก็ย่อมมีเรื่องของความก้าวหน้า รวมอยู่ด้วย

ยิ่งโดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ๆ ที่ใฝ่ก้าวหน้าด้วยแล้ว...ผมพบว่า น้ำหนักของเรื่องค่าตอบแทนกับเรื่องความก้าวหน้าในงาน เกือบจะอยู่ในระดับที่สูสีกันเลยทีเดียว

แปลว่า สำหรับคนที่ใฝ่ก้าวหน้านั้น...แค่เงินดีอย่างเดียวไม่พอ งานก็ต้องดีด้วย!

...

ถึงตรงนี้ ผมก็อยากแชร์ว่า ก่อนตัดสินใจย้ายจากงานเดิมมาเริ่มต้นงานใหม่นั้น...เราจำเป็นต้องใส่ใจกับทั้งชัยชนะ short-term กับ long-term ให้มากๆ

อย่าตามืดบอดมองแต่เรื่องค่าตอบแทนที่เป็น short-term win จนทำให้เกิด long-term loss คือการขาดโอกาสในการก้าวหน้าในงาน

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ย้ายตามเงินในเวลาที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม...ก็แปลว่า เราอาจจะมีอนาคตที่หาความมั่นคงได้ยาก

เงินน่ะ ใครๆ ก็อยากได้...แต่อย่าให้มันกลายเป็นเหมือนเรื่องห่านกับไข่ทองคำในนิทานอีสป

และเมื่อระลึกได้เมื่อไหร่ ว่าชีวิตของเราคือการเดินทางไกล

...เมื่อนั้น เราจึงจะรู้ว่า short-term win และ long-term win นั้น ล้วนเป็นเรื่องที่เราต้องชั่งใจให้จงดีครับ...

#NoteToSelf: 

  • ชนะสั้นแต่แพ้ยาว กับแพ้สั้นชนะยาว...แบบไหนดีกว่าหนอ?
  • อย่ากินแบบตะกละตะกลาม...แต่ต้องไปอดอยากในภายหน้า
  • เมื่อยังอายุน้อย...ไม่ต้องรีบร้อนเพิ่มสินทรัพย์ในกระเป๋า หากแต่เป็นสินทรัพย์ในสมอง

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...