Skip to main content

Post#5-169: จัดระเบียบโครงสร้างองค์กร

Post#5-169:
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ผมวุ่นๆ วายๆ อยู่กับการเขย่าและจัดระเบียบโครงสร้างองค์กร...ให้กับทีมต่างๆ ในความดูแลรับผิดชอบ

จะเชื่อมั๊ยครับ ว่าส่วนหนึ่งของปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการทำงาน มักเกิดจากความไม่ชัดเจนของโครงสร้างองค์กร นี่เอง

ยิ่งองค์กรใหญ่ขึ้นเท่าใด ยิ่งมีโอกาสที่งานของแต่ละทีมงานจะมีความทับซ้อนและคลุมเครือสูงขึ้นเท่านั้น

...

น่าเสียดายที่จะต้องยอมรับว่า โครงสร้างองค์กร (หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อ Organization Chart - OC) ที่ทับซ้อนและคลุมเครือ ก็มักจะเกิดจากปัญหา Silo ในองค์กร นั่นล่ะ

ยิ่ง Silo เยอะ ยิ่งทำให้แต่ละทีมงานมักจะนิยมเขียน OC ให้มีความจบเบ็ดเสร็จในตัวสูง เพื่อให้ทีมงานของตนไม่ต้องไปพึ่งพาทีมอื่น

ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหัวของแต่ละทีมงาน หรือมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการทำงาน หรือมีการควบรวมงานเกิดขึ้น...ก็จะเกิดแรงกระเพื่อมให้ OC ผันแปรไป

และมักส่งผลต่อ OC ในเรื่องการทำให้มีคนหรือตำแหน่งงานเกินไปจากค่างานและปริมาณงานนั่นเอง

...

ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องกำกับดูแลเรื่อง JD ของแต่ละทีมงานและตำแหน่งงาน ให้ถูกต้องตามความจริง

อย่าได้ยึดเอาความพอใจส่วนตนเป็นสรณะในการจัด OC เป็นเด็ดขาด...เพราะที่ถูกที่ควร เราต้องยึดเอา function ของแต่ละหน่วยงานเป็นสำคัญ

เมื่อเขียน OC โดยยึด function งานเป็นหลัก...เราจึงจะมีดวงตาเห็นธรรมที่จะอิงระบบมากกว่ายึดติดกับตัวบุคคล

...และเมื่อนั้น เราจึงจะเริ่มนับหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนขององค์กรได้...

#NoteToSelf:

  • การมี OC ที่ถูกต้องและชัดเจน...เป็นก้าวแรกที่จะทำให้การจัดการองค์กรเป็นไปอย่างเป็นระบบ
  • องค์กรที่เปลี่ยนแปลง OC บ่อยๆ...แสดงถึงการจัดการองค์กรที่ยังยึดกับตัวบุคคลมากจนเกินไป
  • เมื่อยึดติดกับตัวบุคคล”...องค์กรใดๆ ก็มิอาจก้าวไปสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนได้

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...