Skip to main content

Post#5-216: ทำเต็มที่ แม้ไม่ชอบ

Post#5-216:
เอาจริงๆ ผมไม่ชอบออกสื่อ, ให้สัมภาษณ์ หรืออยู่ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์...เรียกว่า เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง หลบได้เป็นหลบ ว่าอย่างนั้น

แต่ด้วยหน้าที่การงานมันบังคับ...ทำให้ผมต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ค่อยชอบ อยู่บ่อยครั้ง

แม้ว่าผมจะยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก...แต่ก็ทำอย่างเต็มที่เต็มฝีมือเสมอ เมื่อต้องทำ

ลองถามตัวเองดูครับ...ว่าแล้วตัวเราเองล่ะ มีเรื่องที่ไม่ชอบแต่ก็ต้องทำโดยเลี่ยงไม่ได้ กันบ้างมั๊ยหนอ?

...

ผมค่อนข้างจะมั่นใจ ว่าแต่ละคนย่อมมีเรื่องที่ต้องทำหรือต้องรับผิดชอบ แม้จะไม่เต็มใจ อยู่แน่ๆ

แต่นี่ล่ะครับ...คือบทพิสูจน์ที่ใช้แบ่งแยกระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่น

มือสมัครเล่น...ทำเต็มที่ เมื่อใจชอบ

ส่วนมืออาชีพ...ทำเต็มที่ แม้ไม่ชอบ

ถามตัวเองอีกทีครับ...ว่าแล้วตัวเราเป็นแบบไหน?

...

เราต่างก็รู้ ว่าด้วยเหตุผลที่หลากหลาย...ส่งผลให้ผู้คนส่วนมาก ไม่สามารถเลือกงานที่ชอบได้อย่างใจหวัง

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด...เราก็ไม่ควรทำงานแบบขอไปที แม้จะเป็นงานที่เราไม่ชอบ

เพราะเมื่อเราเลือกจะสมัครงานที่นี่ และบริษัทฯ ก็มอบความไว้วางใจให้เรารับผิดชอบงานนั้นๆ แล้ว...เราจึงมีแต่ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถเท่านั้น...

ตัวเราจึงจะเหมาะสมกับคำว่ามืออาชีพ

...คงไม่ต้องย้ำใช่มั๊ยครับ...ว่าความเป็นมืออาชีพสำคัญต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างไร?...

#NoteToSelf:

  • เราเป็นมืออาชีพสมัครเล่น หรือเราจะสมัครเล่นเป็นมืออาชีพ?
  • ไม่มีงานที่ดี...ก็ไม่มีทางจะมีรายได้ที่ดี...และหากไม่มีรายได้ที่ดี เราก็ด้อยโอกาสในการจุนเจือครอบครัวให้ได้เป็นอย่างดี
  • ถ้ายังคงสงสัย ว่าวันนี้เราทำงานอย่างทุ่มเทไปเพื่ออะไร...ขอฟันธงว่า ถ้าไม่ละเลิกความทุ่มเทนั้นไปเสีย ก็รับรองได้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะได้คำตอบที่เราพอใจ!

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...