Post#5-222:
ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าคนเราควรจะขยันมากกว่าขี้เกียจ...
แต่นั่นมันแค่เชิงทฤษฎี!
ในทางปฏิบัติแล้ว...ยังไงการได้ขี้เกียจแล้วยังมีเงินใช้ ก็ยังเป็นสุดยอดปรารถนาสำหรับผู้คนส่วนใหญ่
ทั้งที่ก็รู้...ว่ามันเป็นความปรารถนาที่เป็นไปไม่ได้
...
ว่าแต่ว่า เรารู้มั๊ยหนอ ว่าควรขยันเรื่องไหน และขี้เกียจเรื่องไหน มากที่สุด?
ลองคิดดูก่อนมั๊ยครับ?
ผมให้เวลา 5 นาที
...
สำหรับผมแล้ว คิดว่า คนเรามักจะ “ขยันที่จะขี้เกียจ” และ “ขี้เกียจที่จะขยัน”...มากที่สุด
เปล่าครับ...ผมไม่ได้พยายามจะยียวนหรือเล่นคำ แต่ลองวิเคราะห์ดูแล้ว มันก็น่าจะสรุปได้ประมาณนี้
ถ้าเชื่อตามผม ก็น่าจะแปลว่า เราควรจะปรับปรุงตัวให้เป็นคน “ขยันที่จะขยัน” หรือ “ขี้เกียจที่จะขี้เกียจ” ก็คงจะดีไม่น้อย
...
เอาจริงๆ “คนขยันที่จะขี้เกียจ” นี่น่าเป็นห่วงมากกว่า “คนขี้เกียจที่จะขยัน”
คงไม่งงนะครับ?
แบบแรก ขี้เกียจอยู่เป็นนิจ...
ส่วนแบบหลัง แม้จะขี้เกียจอยู่บ่อยๆ แต่คงมีจำนวนวันที่ลุกขึ้นมาขยัน บ่อยกว่าแบบแรก
ลองถามตัวเองอีกที...ว่าเราเข้าข่ายเป็นแบบแรกหรือแบบหลัง?
...
ถ้าดำรงตนเลี้ยงชีพมาได้จนถึงวันนี้ โดยไม่ได้รบกวนคนในครอบครัวหรือเพื่อนๆ มากนัก...ก็พอจะพิสูจน์ได้ล่ะครับ ว่าเราน่าจะเป็นแบบหลัง
และในเมื่อรู้ตัวแล้ว...ก็คงไม่ยากครับ ที่จะสร้างแรงจูงใจให้ตัวเราเพิ่มจำนวน “วันขยัน” ให้มากขึ้น
...ที่สำคัญ...ต้องเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ ว่าอย่าให้ “ความขี้เกียจที่จะขยัน” แปรไปเป็น “ความรังเกียจที่จะขยัน” นะเออ!...
NoteToSelf:
- เราอยู่ในช่วง “วัยทำงาน” ไม่ใช่ “วัยเกษียณ”...มันก็ชัดเจนแล้วว่า เราต้องทำอะไรเป็นหลัก
- ถ้าขี้เกียจตอนนี้...ก็ต้องไปขยันตอนแก่ ซึ่งสภาพร่างกายไม่ได้เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
- ก็แปลว่า...เรายังมี “เวลาให้ขี้เกียจ” อีกมาก ตอนแก่...และตอนนี้ เราก็เหลือ “เวลาที่จะขยัน” น้อยลงเรื่อยๆ อยู่นะ
Comments
Post a Comment