Skip to main content

Post#5-332: Learn to learn vs Learn to earn

Post#5-332:
ระหว่างขับรถไปทานมื้อค่ำ...ผมก็คุยเรื่องนั่น นู่น นี่ สัพเพเหระกับลูกสาวไปเรื่อยเปื่อย

ตอนหนึ่งของการสนทนา...เธอถามผมว่า จะขอไปเรียนพิเศษภาษาลาตินได้มั๊ย?

ผมอึ้งไปเสี้ยววินาที...แล้วถามเธอกลับว่า ทำไมถึงอยากเรียนภาษาลาติน?

คำตอบของเธอก็ประมาณว่าเพราะลาตินเป็นรากฐานของหลายๆ ภาษา

คำตอบของผม คือไม่อนุญาต

เธอถามต่อว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับการเรียนภาษาลาติน...ก็ขอเป็นเรียนภาษาฝรั่งเศสหรือภาษาเยอรมัน ก็ได้

คำตอบของผม ก็ยังคงเป็นไม่อนุญาตเหมือนเดิม

...

เอาจริงๆ ผมดีใจที่ลูกกระตือรือร้นอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

แต่อยากจะสอนและแนะแนวให้ลูกมองไปไกลกว่าแค่อยากเรียนรู้

หมายความว่า ไม่ใช่แค่อยากเรียนรู้อะไรก็ได้...

แต่ต้องมองให้ออกว่า องค์ความรู้ที่อยากจะได้มานั้น...จะนำไปต่อยอดอะไรได้บ้าง

...

หลายคนอาจกำลังค้านอยู่ในใจว่า...ใครจะไปรู้ วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา อาจจะเป็นประโยชน์ในวันหนึ่งก็ได้

ใช่ครับ...ผมไม่เถียง...แต่อาจจะก็คืออาจจะ

ยังไงก็ไม่อาจเทียบกับการรู้ตั้งแต่ต้นว่า เราอยากจะทำอะไร...แล้วจึงขวนขวายหาความรู้ให้ตรงจุด ไม่ได้

มันจึงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่า ถ้าเราสักแต่ขวนขวายหาความรู้...โดยขาดเป้าหมายที่ชัดเจน

สุดท้ายแล้ว...เราอาจจะจบลงด้วยการเป็นพวกมีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด

...รู้ชัดแล้วจึงเลือกเรียน...เรียนแล้วจึงจะรู้...ว่าอย่างนั้นครับ!...

#NoteToSelf:

  • เรียนไปก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะเอาไปทำอะไร...ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับรู้ให้ชัดก่อนว่าจะทำอะไร แล้วค่อยเลือกเรียน
  • แน่นอนว่า บ่อยครั้งที่ชีวิตก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้...แต่เรามิอาจยอมให้ชีวิตเป็นไปโดยไม่วางแผน
  • ดังนั้น ไม่มีแผน จึงต่างจาก ปรับแผนตามสถานการณ์...เพราะแบบแรก คือชีวิตที่ประมาท ส่วนแบบหลัง คือชีวิตที่ประเมิน
  • ระหว่าง Learn to learn กับ Learn to earn...คงไม่ต้องบอกกระมังครับ ว่าแบบไหนควรค่ากว่ากัน?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...