Skip to main content

Post#5-337: ความอ่อนแอ

Post#5-337:
หลายต่อหลายคนมักจะเข้าใจไปว่าความอ่อนแอต้องเป็นเรื่องของคนอ่อนแอเท่านั้น

อืมม...เอาเข้าจริงๆ ผมว่าคนอ่อนแอต่างหาก ที่อาจจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวมากเป็นพิเศษ

ก็เพราะรู้ว่า เมื่อใดที่ปล่อยให้ความอ่อนแอมีอำนาจเหนือจิตใจ...เมื่อนั้น เราอาจต้องสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างไป

เมื่อใดที่รู้ว่า เรามีสิ่งที่หวงแหนที่ต้องการจะรักษา รวมไปถึงมีใครที่เราต้องการจะปกป้อง...

เมื่อนั้น คนอ่อนแออย่างเรา ก็อาจจะก้าวข้ามความอ่อนแอในใจไปได้...อย่างไม่น่าเชื่อ

...

ไม่ใช่แค่สภาวะทางใจเท่านั้น...เพราะแม้กระทั่งร่างกายอ่อนแอ...ถ้าไม่ใช่เกิดจากโรคทางพันธุกรรมแล้วล่ะก็

ผมว่า...คนเราก็เอาชนะได้ทั้งหมดนั่นล่ะ

ดังนั้น การเป็นคนอ่อนแอ...ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจก็ตาม

จึงอาจเป็นแค่สภาวะชั่วคราวเท่านั้นเอง

ก็หมายความว่า เมื่อใดที่เราควบคุมความอ่อนแอไว้ได้ในระดับที่เหมาะสม...เราก็จะไม่ใช่คนอ่อนแออีกต่อไป

...

กายอ่อนแอ...เราก็ต้องหมั่นออกกำลังหรือเข้า gym เพื่อสร้างเสริมกล้ามเนื้อ

ถ้าใจอ่อนแอ...ก็ทำไมเราไม่หมั่นหาวิธีหรือสถานที่ เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตใจบ้าง?

การที่กายอ่อนแอ...ก็เพราะเราปล่อยปละ

ส่วนการที่ใจอ่อนแอ...ก็คงจะเป็นที่เราเองนั่นล่ะ ที่ละเลย

ดังนั้น...จงจำใส่ใจให้จงดีครับ ว่าคนเรา...

อาจอ่อนแอได้บ้างเป็นบางคราว
อาจปวดร้าวอ่อนไหวบ้างบางหน
อาจสะอื้นร่ำไห้เพราะเกินทน
อาจสับสนปนเหงาเศร้าระอา

จงยอมรับว่าเรายังอ่อนแอ
มีพ่ายแพ้มีพลาดพลั้งมีกังขา
ขอเพียงลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้มมา
ขอเพียงอย่าให้บางคราวเป็นถาวร

อีกฟากที่อยู่ตรงข้ามกับความอ่อนแอนั้น...น่าอยู่มากๆ ครับ

...หลายๆ คนที่ข้ามฟากมาแล้ว...ก็ไม่เคยคิดกลับไปอยู่ฟากเดิมอีกเลย...

#NoteToSelf:

  • ถ้าเราจะกลับไปเยี่ยมความอ่อนแอบ้าง เพียงช่วงสั้นๆ...ก็คงไม่เป็นไรครับ
  • แต่ถ้าจะกลับไปเยี่ยมบ่อยๆ หรือไปนานเกิน...ก็ต้องคิดถึงสิ่งที่เราหวงแหน หรือคนที่เราอยากปกป้อง ให้มากๆ
  • อ่อนแอได้...แต่อย่าแพ้พ่าย / ร้องไห้ได้...แต่อย่าฟูมฟาย

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...