Skip to main content

Post#5-340: ยอมรับ...ได้ แต่ยอมแพ้...ไม่ได้

Post#5-340:
หลายต่อหลายคน รวมถึงผมด้วย...คงเคยผ่านการพร่ำบ่นก่นด่าชะตาชีวิต ว่าแย่อย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ กันมาบ้างนะครับ

แล้วได้สังเกตมั๊ยครับ...

ว่าหลังจากพร่ำบ่นก่นด่าชะตาชีวิตไปแล้ว...ตกลงว่า ชีวิตของเราดีขึ้นบ้างมั๊ย?

ถ้าคำตอบคือไม่”...ก็แปลว่า เราเห็นตรงกัน

...

จริงอยู่...ที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเรา ก็มักจะพาลนึกน้อยใจในวาสนาชะตาชีวิตกันเป็นธรรมดา

แต่ผมขอแอบหวังว่า...ให้มันเป็นแค่การบ่นไปอย่างนั้นเองก็แล้วกันนะครับ

เพราะไม่ว่าจะนั่งจมจ่อมน้อยใจไปอีกนานแค่ไหน...ก็ไม่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้

ตรงกันข้าม...มันอาจจะทำให้ชีวิตเราแย่ลงไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ

ทางเดียวที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้...

ก็มีแต่การสู้ชีวิตต่อ...เท่านั้นจริงๆ

...

แปลว่า เราจำต้องยอมรับในชะตาชีวิต

แต่การยอมรับที่ว่า...เป็นคนละเรื่องกับการยอมแพ้

ยอมรับ...เพราะความจริงของชีวิตมันไม่ได้สวยงามตลอดเวลา

ยอมรับ...ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว ล้วนแต่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้

ยอมรับ...ว่าต้องทิ้งอดีต อยู่กับปัจจุบัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

ยอมรับ...เพื่อให้ชีวิตเดินหน้าต่อได้

แปลอีกทีว่า เราต้องยอมรับ...แต่ไม่ยอมแพ้”...ว่ากันอย่างนั้น!

...

เมื่อใดที่ทดท้อ...ลองคิดดูให้ดี ว่าเราโชคดีกว่ากี่ล้านคนบนโลกนี้?

ถ้ายังอ่านโพสต์นี้ได้...

รู้ตัวมั๊ยครับ...ว่าร่ำรวยกว่ากี่ล้านคนบนโลกนี้?

รู้ตัวมั๊ยครับ...ว่ามีกี่ล้านคนบนโลก ที่อ่านหนังสือไม่ออก?

และรู้ตัวมั๊ยครับ...ว่ามีคนพิการทางสายตา กี่ล้านคนบนโลกนี้?

...

ผมจึงอยากจะสรุปว่า

จริงๆ แล้ว...เราต่างก็ไม่ได้มีชะตาชีวิตที่เลวร้ายหรอกครับ

...แต่เป็นทัศนคติที่เรามีต่อชีวิตต่างหาก...ที่เลวร้าย!...

#NoteToSelf:

  • จะสงสารตัวเองบ้างก็ได้...แต่อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองให้กลับมาสู้ต่อด้วย
  • เพราะหากมัวแต่มองโลกด้วยความทุกข์...เราจะสุขได้อย่างไร?
  • โลกก็เป็นไปของมัน...และเราจะตอบสนองต่อความเป็นไปของโลกอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเรา #โลกไม่ได้วุ่นวายใจเราต่างหากที่วุ่นวาย

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...