Skip to main content

Post#4-210: Prerequisite

Post#4-210:
เมื่อสองสามวันก่อน ผมถามลูกสาวว่า "โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร?"...ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ผมถาม

ผมแค่อยากจะเช็คว่า คำตอบของเธอยังคงเหมือนเดิมอยู่มั๊ย? ถ้าไม่ใช่ เหตุผลที่เธอเลือกอาชีพนั้น คืออะไร?

คำตอบของเธอไม่เหมือนเดิมครับ เพราะครั้งนี้เธอตอบผมว่า "หนูอยากเป็นนักเขียนค่ะ"

ตอนหนึ่งของการสนทนา ผมถามลูกต่อว่า "แล้วรู้มั๊ยว่า จะเป็นนักเขียนที่ดีได้ ต้องทำยังไง?"

ก่อนที่ผมจะบอกว่า ลูกสาวผมตอบว่าอะไร...ผมก็อยากจะชวนท่านอื่นๆ คิดตามครับ

ให้เวลา 5 นาทีครับ ^^

...

ได้คำตอบมั๊ยครับ?

ส่วนลูกสาวผมตอบว่า "ก็ต้องหัดเขียนให้มากๆ สิคะ"

ผมตอบว่า "ยังไม่ถูก, ที่ถูกต้องน่ะ ลูกต้องหัดอ่านให้มากๆ ต่างหาก"

ลูกสาวผม "งงเล็กๆ"...แล้วท่านอื่นๆ เข้าใจมั๊ยครับ ว่าอยากเป็นนักเขียน ทำไมไปหัดอ่านแทน?

...

เคยได้ยินคำว่า Prerequisite กันบ้างมั๊ยครับ?

สมัยเรียนมหา'ลัย เราก็น่าจะคุ้นเคยกับคำนี้บ้างเหมือนกัน...ก็ตอนที่จะลงเรียนวิชาอะไรสักอย่าง แต่ยังลงไม่ได้ เพราะต้องผ่านการเรียนวิชาบางอย่างมาก่อนหน้า

ด้วยวิธีคิดแบบเดียวกันนี่เองครับ

จะเป็นนักเขียนที่ดีได้ ต้องเริ่มจากเป็นนักอ่านที่ดีให้ได้ก่อน

จะวิ่งให้ได้ดี ก็ต้องเดินให้คล่องเสียก่อน

จะเป็นเจ้านายที่เก่งกล้า ย่อมต้องเป็นลูกน้องที่กล้าแกร่งมาก่อน

จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องลุกขึ้นจากความล้มเหลวให้ได้เท่านั้น

...

ดังนั้น ผลลัพธ์บางเรื่องบางอย่าง จึงต้องอาศัยการสั่งสมของหลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่าง เข้าไว้ด้วยกัน

ข้ามขั้นตอนไป ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่เหมือนแต่เปลือก แต่ข้างในกลวง

เป็นนักเขียนที่ไม่ชอบอ่าน ก็อาจจะได้...แต่ผมไม่เชื่อว่า คนๆ นั้น จะเป็นนักเขียนที่ดี

จะเป็นผู้พูดที่ดี...ก็ควรเริ่มต้นจากการเป็นผู้ฟังที่เยี่ยมยอด หรือมิใช่ครับ?

...เฉกเช่นจะรู้ค่าของความสุขแท้...ย่อมต้องผ่านความทุกข์ที่ก้นบึ้งมาแล้วทั้งสิ้น...ถ้าวันนี้ไม่ออกวิ่ง วันไหนจะถึงเส้นชัย?...

#NoteToSelf:
- อ่านมากจึงรู้รอบ, เมื่อรู้รอบจึงเชื่อมโยง และเมื่อเชื่อมโยงจึงถ่ายทอดได้
- ผลไม้ไม่สุกก่อนดิบ, คนจึงไม่อาจสำเร็จก่อนล้มเหลว
- ไม่ทุกข์หนัก จะรู้หรือว่าสุขล้นหน้าตาเป็นยังไง
- เราไม่อาจจะถึงเส้นชัยก่อนที่จะเริ่มต้นออกวิ่ง

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...