Skip to main content

Post#4-228: หมูสนามจริง...สิงห์สนามซ้อม

Post#4-228:
สังเกตตัวเองบ้างมั๊ยครับ ว่าทำไมบ่อยครั้งที่เราทำอะไรตอนซ้อมได้ดีกว่าตอนทำจริง?

เอาจริงๆ ผมว่ามันก็คงเป็นเรื่องปกติของคนธรรมดาทั่วไป...เพราะเวลาทำจริง เรามักกดดันจนมักจะควบคุมความตื่นเต้นไว้ไม่ได้

ถามว่า แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะลดแรงกดดันในตอนทำจริงให้เหลือน้อยที่สุด?

ผมว่า หลายๆ คน น่าจะมีคำตอบในใจแล้ว...ส่วนคนที่ยังนึกไม่ออก ผมให้เวลา 3 นาทีครับ ลองคิดดู

...

หลายๆ คน คงจะเห็นด้วยกับผม ว่าการจะลดแรงกดดันในตอนทำจริงน่ะ ต้องมีปัจจัย 2 อย่าง เกิดขึ้น

หนึ่ง...ต้องเตรียม "ใจ" ด้วยการสร้างความมั่นใจในการทำ แต่จะมีความมั่นใจได้ ต้องเกิดจากการหมั่นฝึกซ้อม

เรียกว่า...จะมีพรสวรรค์ยังไงก็ตาม เราจำเป็นต้องขัดเกลามันด้วย "พรแสวง" เท่านั้น

สอง...ต้องเตรียม "ตัว" ด้วยการเสริมสร้างร่างกายให้พร้อมก่อนจะลงมือ ซึ่งแม้ใจจะพร้อม แต่ถ้าสังขารไม่อำนวย...ก็ "จบ" กัน

ผมเห็นมามากต่อมาก กับคนที่มีความมั่นใจในระดับ "มากล้น" จนกลายเป็น "ลำพอง"

สุดท้ายความลำพองนั้น ก็นำไปสู่ความประมาท และสะดุดขาตัวเองหกล้มไปอย่างน่าเสียดาย

...

ด้วยเหตุผลที่ว่ามา...ผมจึงอยากจะสรุปว่า เพื่อให้การลงมือจริงออกมาใกล้เคียงกับคำว่า "สมบูรณ์แบบ" ให้มากที่สุด...เราจึงจำเป็นต้อง "เตรียมตัว" และ "เตรียมใจ" ให้พร้อม

เมื่อเตรียมตัวพร้อม ฝึกซ้อมเข้มแข็ง...วันที่ลงมือจริง เราจะรู้สึกเหมือนว่า ได้ทำสิ่งที่คุ้นเคย เป็นสิ่งที่ง่ายที่ทำได้สำเร็จบ่อยๆ มาแล้วไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง

เราจึงน่าจะพอสงบใจและลดแรงกดดันไปได้มาก...และใช้ใจที่สงบลงในการควบคุมให้ร่างกายทำการใดๆ ที่สมองสั่งการและหัวใจร่ำร้อง ได้ดี

...อย่าให้ใครมาตราหน้าได้ว่า เราเป็น "หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม"...เสียล่ะครับ...

#NoteToSelf: 

  • แม้จะซ้อมมาเป็นพันหรือหมื่นครั้ง ก็อย่าคิดว่ารอบจริง เราจะไม่ผิดพลาด...ดังนั้น กำหนดใจให้อยู่กับ "ความมั่นใจ" ไม่ใช่ "ความลำพอง"
  • เวลาลงมือจริง ให้กำหนดใจอยู่ที่ "ขั้นตอน" ไม่ใช่ "ผลลัพธ์"...เมื่อทำทุกขั้นตอนให้ดี ผลลัพธ์ก็ "น่าจะ" มีโอกาสดีได้
  • ซ้อมเต็มที่เหมือนทำจริง...ทำจริงให้สนุกเหมือนตอนซ้อม

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...