Post#4-229:
ระหว่างขับรถไปประชุมเมื่อเช้านี้ ผมเปิด CD ธรรมะ ที่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกรุณาให้มา (แหะๆ...ขออภัยครับ ที่ใช้ technology สมัยเก่าไปหน่อย)
เป็น CD แนวถามตอบข้อธรรมที่เป็นคำถามที่ปุถุชนคนธรรมดาตั้งปุจฉาบ่อยๆ...แล้วก็มีการรวบรวมไปให้ผู้รู้ธรรมได้วิสัชนา
ตอนหนึ่งของการฟัง...มีข้อธรรมหนึ่งที่ผมฟังแล้วชวนให้ไปคิดต่อเป็นอย่างมาก ก็เลยอยากจะนำมาแชร์ต่อ
ข้อธรรมนั้น มีว่า "ปัญญามุ่งไปที่เหตุ กิเลสมุ่งไปที่ผล"
...
ผมคิดตามแล้วก็เห็นจริงตามนั้นเช่นกันครับ
คนเรา หากยังไม่บรรลุโลกุตรอันวิสุทธิ์ ก็ไม่อาจหนีเรื่องกิเลสไปได้...ยังคงอยากเป็น อยากมี อยากได้ รวมถึงไม่อยากเป็น ไม่อยากมี และไม่อยากได้ อยู่ร่ำไป
ดังนั้น ในแต่ละวัน เราจึงอยากและไม่อยาก ได้สารพัดอย่างสารพันเรื่อง
...
มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ คนธรรมดาอย่างเราๆ...จะต้องมีกิเลส
และเมื่อเกิดกิเลสก็จึงต้องหาหนทางที่จะทำให้กิเลสนั้น บรรลุผล
ซึ่งการหาหนทางตอบสนองกิเลส...นั่นล่ะครับ คือการใช้ "ปัญญา"
หากใช้ปัญญาใคร่ครวญหาวิถีทางที่ถูกที่ควร...ก็คือ "สายเทพ"
และหากใช้ปัญญาในการหาวิถีทางที่มิชอบ...ก็คือ "สายมาร"
โดยมากแล้ว คนที่เลือกสายมาร จึงเป็นผู้ที่ไม่รู้จักระงับยับยั้งใจ...ปล่อยให้กิเลสเข้ามาครองสติ จึงขาดการพิจารณา "ดี-ชั่ว"
เรียกว่า โดนตัดขาดจากธรรมะแห่งเทวดา...คือ "หิริโอตัปปะ"...ไปอย่างน่าเสียดาย
...
ตัวโกงขั้นเทพ จึงมีปัญญาล้ำเลิศ...แต่น่าเสียดาย ที่เลือกใช้ปัญญาสายมาร
แปลว่า แม้มีปัญญา แต่ไม่มี "เจตนาดี" เป็นแก่น...คนเราก็เดินสู่ทาง "อบาย" ได้โดยง่าย
...ดังนั้น เมื่อเกิดกิเลส...ก็ต้องใช้สติกำกับใจให้จงดี ว่าอย่าหลงไป "สายมาร" ครับ...
#NoteToSelf:
- ทางสายเทพ มักมีอุปสรรคขวากหนามหนาแน่นในช่วงต้น และตอบแทนเราด้วยมวลดอกไม้ในบั้นปลาย
- ต่างจากทางสายมารที่หลอกผู้คนด้วยหนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบในช่วงแรก แต่พาเราเข้าไปสู่พงหนามโดยไม่อาจถอนตัวในช่วงท้าย
- ดังนั้น จงอย่าหลงเดินทางผิด เพราะมองแค่ความสบายเพียงชั่วครู่
- มีปัญญาแต่ไม่มีธรรมะ นั่นอาจเป็นหายนะอย่างยิ่งยวด...ดังนั้น ปัญญาแรกที่ควรมี จึงควรเป็นปัญญาพิจารณา "ดี-ชั่ว"
- เริ่มต้นด้วยเจตนาอันเลวร้าย...ยากนักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในบั้นปลาย
Comments
Post a Comment