Post#4-216:
ยังจำเรื่องดุลยภาพบำบัด (Equilibropathy) ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้ได้มั๊ยครับ? (Post#4-205)
เล่าคร่าวๆ ก็คือ ดุลยภาพบำบัดเป็นการแพทย์ทางเลือก ที่รวมเอาการป้องปรามและการรักษาเข้าไว้ด้วยกัน, เป็นการรักษาและดูแลคนไข้แบบองค์รวม ด้วยการผสานเอาการแพทย์ตะวันออกและตะวันตกมาร่วมกัน
วันนี้เป็นแรกที่ผมมาเริ่มการรักษาแบบเป็นกิจลักษณะ...เพราะผัดผ่อนเพื่อนผมที่เป็นคุณหมอมาสักพักแล้ว
ความจริงทุกคนก็ทราบว่า เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่เราละเลยไม่ได้...แต่หลายๆ คน (โดยเฉพาะผมเอง) มักรอให้ป่วยหนักจนทนไม่ไหว แล้วค่อยลากสังขารมาหาหมอ
เข้าข่าย "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา"...ว่างั้น
...
ก่อนทำการรักษา คุณหมอจะส่งตัวเราไป x-ray ก่อน...เมื่อได้ผล x-ray แล้ว คุณหมอก็จะอ่านฟิล์ม พร้อมกับอธิบายความสัมพันธ์ของข้อกระดูก, กล้ามเนื้อ และกายวิภาค ให้เราเข้าใจ
สำหรับผม นี่ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะเป็นการสร้างความเข้าใจให้กับคนไข้...ไม่ใช่รักษาแบบหมอรู้คนเดียว เหมือนปกติที่เราไปรักษา
เมื่อเราเข้าใจแล้ว ว่าระบบต่างๆ ในร่างกายเชื่อมกันอย่างไร...หมอก็จะเริ่มทำการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มแนวทางใหม่
ด้วยเพราะดุลยภาพบำบัด เป็นการรวมแพทยศาสตร์ตะวันตกและตะวันออกมารวมกัน อย่างที่ว่า...
วิธีการฝังเข็มของดุลยภาพบำบัด จึงไม่ใช่การฝังแบบจีนที่ยึดตามตำรา...หากแต่เป็นการฝังเข็มแบบ Tailor Made...ซึ่งแปลว่า ไม่มีใครถูกฝังเข็มแบบเดียวกับเรา
เพราะหมอรู้จักเราผ่านฟิล์ม x-ray ประกอบกับรู้จักโรคที่เราเป็น อีกทั้งสอบถามเรื่องการใช้ชีวิตของเรา...การฝังเข็มนี้ จึงเป็นการประมวลเอาข้อมูลต่างๆ มาเป็นแนวทางเฉพาะคนไข้
เข็มที่ใช้ในการฝังเป็นลักษณะพิเศษ เป็นเข็มจิ๋ว ที่มีความยาวน้อยมากๆ...แปะอยู่บนพลาสเตอร์ปิดแผล
ความรู้สึกตอนโดนเข็ม...อารมณ์คล้ายๆ ยุงกัด เพราะไม่ถึงกับสะดุ้ง แค่แปล๊บๆ
ที่เจ๋งก็คือ เมื่อฝังเข็มไปแล้ว ก็ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ อาบน้ำ ว่ายน้ำ ก็ได้หมด...ถ้าพลาสเตอร์หลุดก็ไม่มีปัญหา
...
หลังจากฝังเข็มเสร็จ หมอก็จะสอนให้เราบริหารยืดเหยียดหรือขยับกล้ามเนื้อตามแบบแผนของดุลยภาพบำบัด
ใครพาครอบครัวมาด้วยนี่ จะได้เปรียบมาก เพราะจะมีคนช่วยเราจำท่า และช่วยให้เราทำท่าต่างๆ ได้ดีขึ้น
ผมจบการรักษาครั้งแรกกับ Equilibropathy นี้ ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย...พร้อมกับ feel guilty เล็กๆ ว่า ที่ผ่านมาเรา "ชุ่ย" กับร่างกายไปมากจริงๆ
...
ตั้งแต่ขั้นตอนการ x-ray จนถึงการจบกระบวนการรักษา กินเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง (ไม่นับเวลารอคิวนะครับ)...สั้นๆ แต่ทำให้ผมเข้าใจเหตุผลของการเจ็บป่วยได้มากขึ้น
ก่อนกลับ เพื่อนผมย้ำอีกเช่นเคย...ว่าอย่าขี้เกียจ นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ ก็ต้องขยับร่างกายตามที่สอนมา
จบการรักษาครั้งแรก...ใครที่เป็น Office Syndrome ผมว่าเหมาะที่สุดที่จะเรียนรู้ท่าบริหารยืดเหยียดของดุลยภาพบำบัด
...
ผมชอบแบ่งปันความรู้...ไม่งั้นคงไม่มาเขียน Post ติดต่อกันมาหลายปีแบบนี้...แต่การแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ Equilibropathy หรือดุลยภาพบำบัดนี้ ถือเป็นหนึ่งในความภูมิใจอย่างที่สุด
เพราะผมรู้สึกว่า เป็นการแชร์ความรู้ที่อาจทำให้หลายๆ คน พ้นทุกข์จากความเจ็บป่วยได้จริงๆ
...อย่าพึ่งเชื่อผม จนกว่าคุณจะทดลองสัมผัส "ดุลยภาพบำบัด" ด้วยตัวคุณเอง นะครับ...
#NoteToSelf:
- สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง
- ป้องปรามดีกว่าแก้ไข อย่ารอให้สายเกินไปแล้วค่อยคิดแก้มัน
- เสียเวลาแต่ละวันเพียงน้อยนิด เพื่อชีวิตที่ยืนยาวให้กับครอบครัว
- สุขภาพที่อาจเสียไป มีเงินหรือเวลาเท่าไหร่ ก็ไม่คุ้มกัน
* สนใจเพิ่มเติม เข้า Youtube พิมพ์ "ดุลยภาพบำบัด" นะครับ
Comments
Post a Comment