Skip to main content

Post#4-220: Make-up มหัศจรรย์

Post#4-220:
สมัยนี้ คงจะหาสาวๆ ที่ไม่แต่งหน้าได้น้อยเต็มที...จะน้อยจะมาก ยังไงก็ต้องมีรองพื้น

เรียกว่า น่าจะมีจำนวนแค่ "นับนิ้วได้" สำหรับสาวคนใด ที่กล้าโชว์หน้าสด

คราวนี้มาถึงคำถามท้าทายสำหรับสาวๆ ที่เก่งกล้าสามารถในระดับ Make-up Expert ครับ

ถามว่า เครื่องสำอางใด ที่สาวๆ ไม่ควรปล่อยให้ขาดไปจากใบหน้าเป็นเด็ดขาด?

ผมให้เวลาคิด 5 นาที ครับ ^^

...

คำถามนี้ ผมไม่คิดว่า จะมีสาวๆ คนไหนตอบถูกหรอกนะครับ...

แต่ถ้ามีใครตอบถูก ผมก็ขอก้มหัวคารวะให้...เพราะแสดงว่า เข้าถึง "เคล็ดวิชา" แห่งการ Make-up แล้ว อย่างแท้จริง

เพราะมันไม่ใช่เครื่องสำอางที่หาซื้อที่ไหนได้เลย...ถ้าอยากแต่งแต้มเครื่องสำอางนี้ คุณสาวๆ จะต้อง "ทำขึ้นเอง" เท่านั้น

ถึงตรงนี้ สาวๆ หลายๆ คน น่าจะเดาได้แล้ว กระมังครับ?

ใช่อย่างที่เดานั่นล่ะครับ...ผมว่า เครื่องสำอางที่สวยที่สุดของผู้หญิงน่ะ ก็คือ "ความสุข" นั่นเอง

...

ต่อให้คุณหน้าตาไม่สะสวย หรือไม่แต่งหน้า หากแต่คุณมี "ความสุข" ปรากฏบนใบหน้า...ผมก็กล้ารับรองได้ว่า คุณจะดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมากแน่ๆ หากคุณแต้ม "ความสุข" ลงไป

จะหาซื้อ "ความสุข" มาแต่งแต้ม คงจะไม่มี...ถึงต้องสร้างเองผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า "ทัศนคติเชิงบวก"

และต้องอาศัยอุปกรณ์แสดงผลที่ชื่อว่า "รอยยิ้ม" นั่นเองครับ :)

เมื่อมี "ทัศนคติเชิงบวก", คุณสาวๆ จึงจะได้ครอบครอง "ความสุข" และใช้ "รอยยิ้ม" เป็นสื่อแสดงออกถึง "ความสุข" นั้น ให้กับชายหนุ่มหรือคนอื่นๆ ได้เห็น

...เมื่อใดก็ตามที่คุณสาวๆ ยิ้มออกมาจากข้างใน ก็เมื่อนั้นล่ะครับ ที่คุณจะดูมีเสน่ห์ที่สุด...

#NoteToSelf: 

  • รอยยิ้มของสตรีมีมนต์ประหลาดที่สยบหัวใจผู้ชายได้ทุกดวง
  • ยามที่สาวๆ ยิ้มมาจากข้างใน ก็ดูเหมือนโลกทั้งโลกจะสว่างไสวไปเสียหมด
  • คุณไม่มีทางรู้เลย ว่าจะมีใครตกหลุมรักรอยยิ้มของคุณ
  • ข่าวดีก็คือ เครื่องสำอางชนิดนี้ ผู้ชายก็ใช้ได้ด้วยนะเออ
  • หวานเกินไปแล้ว จบนะยู

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...