Skip to main content

Post#5-067: หลังถอดหัวโขน

Post#5-067:
เช้านี้ผมไปร่วมงานแต่งงานของอดีตลูกน้องคนหนึ่ง...แต่ให้ความรู้สึกเหมือนไปงานเลี้ยงรุ่นไม่น้อย

ก็เพราะไปเจอกับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเต็มไปหมด...ทักทายกันเป็นที่เอิกเกริก และถ่ายรูปร่วมกันเล็กน้อย ตามประสาของคนที่ไม่ได้เจอกันนาน

ต้องบอกว่า หนึ่งในความเสียใจของผมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา...ก็คือต้องลาจากทีมงานที่ผมรักและฟูมฟักมากับมือ ทีมนี้นั่นเอง

หากแต่นี่ก็เป็นชะตากรรมของมือปืนรับจ้างที่ต้องเผชิญอยู่เป็นปกติ...จึงทำได้เพียงแต่เก็บความทรงจำดีๆ ไว้ ว่าครั้งหนึ่งได้มีโอกาสได้ทำงานกับทีมงานที่น่ารักทีมนี้

...

หลายๆ คนก็คงรู้สึกเหมือนกับผม...คือบางครั้งก็จำเป็นจะต้องทำการตัดสินใจอย่างยากลำบากกับสถานการณ์เรื่องงานที่ต้องเผชิญ

ว่าจะเลือกอยู่กับทีมงานที่รัก แต่ต้องอึดอัดกับนโยบายการบริหารที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางของตัวเอง ดี?

หรือว่าจะเลือกจุดยืนของตัวเอง และต้องยอมสูญเสียทีมงานที่รักไป ดี?

แน่นอนว่า ผมเลือกอย่างหลังโดยต้องชั่งใจอยู่นาน

โชคดีที่ทีมงานเข้าใจ...และหลังจากลาจากมาแล้ว เจอกันครั้งใด ทีมงานก็ยังคงทักทายกันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่มีให้แก่กันอย่างที่เคยเป็นมา

...

หากเป็นไปได้...เราจึงควรทำให้การลาจากใดๆ ก็ตาม เป็นการลาจากที่ดี

คือจากกันด้วยความเข้าใจ...และเลือกเก็บมุมที่ดีของอีกฝ่ายเอาไว้ในความทรงจำ

เพราะเมื่อวันใดที่เราถอดหัวโขนแห่งบทบาทและหน้าที่ออกแล้ว

...เราจะได้ยิ้มและทักทายคนที่เรารักด้วยบรรยากาศอบอุ่นที่กรุ่นอยู่ในความทรงจำ ดุจเดิม...

#NoteToSelf: 
  • หน้าที่เป็นแค่หัวโขน”...ดังนั้น ทำอะไรตอนใส่หัวโขน ต้องคำนึงถึงตอนถอดไว้ด้วย
  • บ่อยครั้งที่หน้าที่ทำให้ผู้ใส่หัวโขน จำต้องโหดเหี้ยม อันเป็นความจำเป็นในการใช้พระเดชปกครอง...
  • ซึ่งผู้ใส่หัวโขน จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในการหัดใช้พระคุณร่วมด้วย...เพื่อให้ลูกน้องยังรักและเคารพเมื่อยามถอดหัวโขน
  • จงตรองให้ดี บริหารให้เหมาะ...ด้วยเพราะความเป็นเจ้านายและลูกน้อง อาจสิ้นสุดในวันใดวันหนึ่ง...แต่ความเป็นพี่เป็นน้องต่างหาก คือสิ่งที่เหลืออยู่หลังจากนั้น

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...