Skip to main content

Post#5-080: ไว้วางใจ

Post#5-080:
เรื่องหนึ่งที่ผมอยากสะกิดให้ลูกน้องทั้งหลายต้องเตือนตัวเองให้มากๆ ก็คือ จงทำตัวให้นายไว้วางใจ

เอาจริงๆ มันก็มีหลายเหตุปัจจัยที่จะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้นระหว่างนายกับลูกน้อง

และแน่นอนว่า ตัวเราเองต้องเลือกให้ถูกก่อน ว่าคนที่เรากำลังจะทำงานให้น่ะ...น่าจะนำชีวิตเราให้เจริญก้าวหน้าได้มั๊ย?

ถ้าพิจารณาแล้ว ว่าได้”...คราวนี้ก็เป็นตาของเราแล้ว ที่จะต้องพิสูจน์ให้นายเห็นเช่นกัน ว่าเรานั้นมีค่าเพียงพอที่จะสนับสนุน

...

เมื่อว่ากันด้วยเรื่องของงาน...ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องวัดผลกันด้วยเรื่องของ Competency

งั้นก็ต้องเริ่มจาก ตรวจสอบตัวเองว่า เรามีความรู้ความชำนาญมากพอมั๊ย กับงานและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย?

แล้วส่งมอบงานได้ตามมาตรฐาน, กำหนดเวลา รวมถึงงบประมาณ ตามที่ commit ไว้กับเจ้านาย รึเปล่า?

ถ้าบรรลุทั้ง 2 เรื่องนี้...ก็แปลว่า Competency ของเรานั้น ยอดเยี่ยม

...

นอกจากเรื่องของ Competency ก็ต้องมาดูว่า เรามี Potential ที่จะเติบโตมั๊ย?

ถ้าเรามีศักยภาพที่จะเติบโตจริง...แววของเราก็ควรจะฉายแสงให้นายเห็น เช่น 

เรากระตือรือร้นที่จะทำหน้าที่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ รึเปล่า?

เราขวนขวายที่จะรู้มั๊ย ว่างานที่ทำอยู่จะส่งผลลัพธ์ไปในทางไหน?

เรารู้มั๊ย ว่าหน่วยงานก่อนหน้า ส่งมอบอะไรมา และหน่วยงานที่จะรับงานต่อจากเราต้องการอะไรจากเรา?

เรารู้มั๊ย ว่าเมื่อเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป ลักษณะงานและความรับผิดชอบจะแตกต่างจากเดิม อย่างไรบ้าง?

...

ถ้ามีทั้ง Competency และ Potential...ก็เป็นอันไม่ยากแล้วล่ะครับ ที่จะได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากเจ้านาย

ที่เหลือก็แค่ทำให้เต็มที่, ซื่อสัตย์, สุจริต และภักดีต่อเจ้านาย

...ทำเท่านี้ล่ะครับ...ประตูสู่ความก้าวหน้าและความสำเร็จ ก็อยู่ข้างหน้าเราแล้ว...

NoteToSelf:

  • มันสำคัญมากที่จะต้องทำให้นายไว้วางใจ เพื่อเป็นหลักประกันอนาคต
  • ถ้ามีทั้ง Competency และ Potential แต่ก็ยังไม่ได้ใจนาย...ลองคิดดูให้ดี ว่าไปทำอะไรให้นายระแวงหรือแคลงใจ
  • จำไว้ ถ้านายระแวงเราเมื่อไหร่...อนาคตของเรา ก็จะมีแต่อยู่ที่เดิมหรือถอยหลังเท่านั้น

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...