Post#5-074:
ผมเองก็เคยมีลูกเล็กๆ ดังนั้น จึงพอจะเข้าใจหัวอกของพ่อ-แม่ที่มีลูกเล็กๆ อีกทั้งก็เข้าใจดี ว่าเด็กน้อยไม่เดียงสานั้น ไม่สามารถจะเข้าใจในเรื่องควรหรือไม่ควร ได้ดีพอ
แต่แม้จะเข้าใจ...ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะสนับสนุนให้พ่อ-แม่ ยอมหรืออลุ่มอล่วยเมื่อเด็กน้อยทำเรื่องไม่ควรในที่สาธารณะ
“เข้าใจ” กับ “ยอมรับ” น่ะ เป็นคนละเรื่องนะครับ...
โดยเฉพาะเมื่อการกระทำนั้นๆ เป็นการลิดรอนหรือเบียดเบียนสิทธิ์ของผู้อื่นอย่างร้ายแรง
...
ให้ยกตัวอย่างเหรอครับ...ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นร้องไห้เสียงดังไม่เลิกกลางทางเดิน, วิ่งเล่นไปมาในร้านอาหาร หรือใช้เด็กมาแทรกคิวของคนอื่น
เหล่านี้ เป็นเรื่องที่เด็กทำ, พ่อ-แม่ วางเฉย...แต่คนอื่นน่ะ “เดือดร้อน”
...
แม้ว่าพ่อ-แม่บางคน จะแก้ปัญหาได้ดี
แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะแก้ปัญหาด้วยการรอให้ปัญหา “หายไปเอง”
อยากร้องไห้เหรอ...ก็ร้องไปสิ, คนอื่นคงเข้าใจล่ะน่า ว่านี่มันเด็ก
อยากวิ่งเล่นเหรอ...เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเอง, เด็กมันจะไปรู้กาลเทศะได้ยังไงเล่า
แทรกคิวนิดๆ หน่อยๆ...แหม ก็เด็กๆ ไร้เดียงสา จะอะไรกันนักกันหนา
ถ้าพ่อ-แม่คนไหน มีตรรกะในการคิดแบบนี้...ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า จะเป็นการสะท้อนไปถึงวิธีแก้ปัญหาในการทำงานรึเปล่า?
...
เรามองว่าลูกเรานั้นน่ารักน่าเอ็นดู...แต่กับคนอื่นนั้น “ไม่ใช่”
เรามองว่าปัญหาแค่นี้เราทนได้...แต่กับหน่วยงานอื่นนั้น “อาจจะเป็นเรื่องใหญ่”
ดังนั้น ถ้าลูกเราก่อปัญหาในที่สาธารณะ หรืองานของเราส่งผลกระทบต่อทีมอื่น...อย่าได้ “ดูดาย” ปล่อยให้คนอื่นต้องมาจมอยู่กับปัญหาที่เค้าไม่ได้ก่อ
...มีแต่คนไร้สำนึกแห่งความรับผิดชอบเท่านั้น ที่ปล่อยให้ปัญหาที่กระทบคนอื่นหายไปเอง หรือชินไปเอง...
#NoteToSelf:
- ชอบชื่อเพจ #ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ซึ่งมันก็ตามนั้นจริงๆ
- ถ้าไม่มั่นใจว่าควบคุมพฤติกรรมลูกได้...อย่าได้พาไปที่สาธารณะเลย เพราะมันแสดงถึงความไร้จิตสำนึกของเรา
- อย่าคิดว่าปัญหาแค่นี้เอง จิ๊บจ๊อย...กับเราน่ะ อาจจะชิน แต่กับคนอื่น มันอาจไม่ใช่นะ
Comments
Post a Comment