Post#5-081:
ผมเดาเอาว่า คงมีหลายครอบครัวหารือกันเป็นที่สนุกสนานปนลังเล...ว่ามื้อเที่ยงนี้ หรือมื้อเย็นนี้ จะทานที่ร้านไหนดี?
มันน่าจะเป็นเรื่องตลกไม่ออกเล็กๆ ที่คนเมืองทั้งหลาย ใช้ชีวิตติดห้างมานานนับหลายสิบปี...ต้องมาคอยลังเลถามกันไปมาด้วยคำถามที่ว่า “มื้อนี้จะทานที่ไหน?”
แล้วหลายๆ คนก็คงจะหงุดหงิดกับคำตอบที่ว่า...”อะไรก็ได้” เหมือนที่ผมก็เคยหงุดหงิดอยู่บ้าง
...
นอกจาก “เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง...แต่ก็เป็นเรื่อง” ในครอบครัวแล้ว...ในชีวิตการทำงาน เราก็เจอเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้ อยู่บ้าง
เช่นถามเจ้านาย ว่าเรื่องนี้หรือเรื่องนั้น จะให้จัดการยังไง...แล้วได้คำตอบแบบเหมือนไม่ตอบ ว่า “คุณก็ว่าไปเองเลย”
แต่พองานออกมา เรากลับโดนนายตำหนิว่า ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่เลือกแบบนี้...ทำเอาเราโมโหอยู่ในใจเสียหลายหน
ไม่ก็ถามหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็น...แต่ก็ได้กลับมาเพียง “ความเงียบ” ที่ไม่ได้ช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้นเลย
...
ทั้งเรื่องจะทานร้านไหนดี กับเรื่องจะทำงานยังไงดีนั้น มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งครับ...ถ้าแก้จุดนี้ได้ ชีวิตของเราก็น่าจะง่ายขึ้นบ้าง
ลองคิดดูก่อนมั๊ยครับ...แล้วค่อยมาฟังความเห็นของผม
ผมให้เวลา 5 นาทีนะครับ
...
แน่นอนว่า ความเห็นของผม ย่อมไม่ใช่คำตอบของทุกคน...แต่ก็ขอนำเสนอว่า ทั้งสองเรื่องนี้ เกิดจากเราตั้งคำถามกว้างเกินไป
คราวหน้าลองเปลี่ยนคำถามใหม่ เป็นแนวๆ นี้ดูครับ
ระหว่างทานร้าน A กับร้าน B, ลูก (หรือคุณแฟน/คุณสามี/คุณภรรยา) จะเลือกร้านไหนดี?
ระหว่างทำงานด้วย Option A กับ Option B, เจ้านายจะเลือกแบบไหนครับ?
การเปลี่ยนคำถาม “ปลายเปิด” เป็น “ปลายปิด” จะทำให้คู่สนทนามี focus ที่มากขึ้น และรู้สึกว่า กรอบในการพิจารณามีความยุ่งยากน้อยลง
...ในเมื่อเล่นเกมเค้าแล้วเราเหนื่อย...เราจึงต้องเปลี่ยนให้คนอื่นมาเล่นเกมเรา ไงครับ...
#NoteToSelf:
- อย่าพึ่งหงุดหงิด เมื่อไม่ได้รับคำตอบ...อีกฝ่ายอาจจะรอการชี้นำเล็กๆ อยู่ ก็เป็นได้
- การนำปัญหาไปปรึกษาเจ้านาย เป็นเรื่องที่กระทำได้...แต่แนะนำว่า ควรเตรียมคำตอบไว้ด้วย ว่าถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหาที่นำไปปรึกษานาย อย่างไร?
- เมื่อช่วยให้ชีวิตของคนอื่นง่ายขึ้น...ชีวิตของเราก็น่าจะมีแนวโน้มง่ายขึ้นด้วย
Comments
Post a Comment