Post#5-075:
ด้วยความรับผิดชอบชิ้นใหม่และชิ้นใหญ่ที่ผมพึ่งจะได้รับมอบหมายมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา...ทำให้วันนี้ของผม หมดไปกับเรื่องประชุม ประชุม และประชุม
ขณะที่ผมเขียนโพสต์นี้ ผมพึ่งจะจบประชุมสุดท้ายของวันไปเมื่อไม่เกิน 15 นาที ที่แล้วนี้เอง
ก็เพราะเป็นธรรมดาและธรรมชาติขององค์กรใหญ่ๆ ที่ทำให้งานริเริ่มที่ดูเหมือนจะธรรมดาบางเรื่อง มักกลายเป็นเรื่องใหญ่
ที่ว่าเรื่องใหญ่ ก็เพราะมันเป็นความท้าทายที่จะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจสิ่งที่เราต้องการจะทำ นั่นเอง
...
ดังนั้น การขยับองคาพยพขององค์กรใหญ่ จึงมีความอุ้ยอ้าย และปัจจัยเอื้อให้เกิดการผันแปรของวัตถุประสงค์ในการทำงานอยู่เสมอ
แปลว่า เริ่มต้นงานที่เกี่ยวพันกับฝ่ายอื่นๆ ว่ายากแล้ว...แต่การจะ carry out ให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ กลับดูเหมือนจะยากไม่น้อยไปกว่ากัน
ด้วยเพราะแต่ละฝ่ายแต่ละทีม มีงานประจำของตัวเองล้นมืออยู่แล้ว...การที่จะให้ความสำคัญกับงานริเริ่มอื่นๆ ก็คงจะยากเสียหน่อย
...
ภาพที่เรามักจะเจอในการทำงานแบบ project base จึงกลายเป็นว่า ฝ่ายหรือทีมงานที่เราไปขอความร่วมมือนั้น ต่างให้ความสำคัญกับ การอยากรู้ว่า “งานนี้ ใครสั่งให้ทำ?” มากกว่าจะอยากรู้ว่า “งานนี้ ทำแล้วองค์กรจะได้ประโยชน์อย่างไร?”
มันจึงเป็นหนึ่งในความจริงอันน่าทดท้อของคนที่ริเริ่มจะทำอะไรใหม่ๆ เพื่อองค์กร
อืมม...ผมก็คงไม่บอกว่า คิดแบบนี้ “ผิด” หรอกนะครับ
แต่แค่อยากชวนให้คิดในอีกมุมหนึ่ง
...ว่า เพราะโอกาสทำให้สำเร็จมันยากนั่นแหละ เราถึงต้องเป็นคนที่ต้องผลักดันทำให้มันสำเร็จ...
#NoteToSelf:
- ความดีมันทำยาก คนเลยไม่ค่อยอยากทำ ซึ่งงานริเริ่มใหม่ๆ ก็ไม่ต่างกัน...แต่ถ้าข้ามจุดเริ่มต้นที่แสนยากไปได้ ก็เท่ากับสำเร็จไปแล้วเกือบครึ่ง
- คนที่พร้อมจะให้ความร่วมมือนั้นมีอยู่ เพียงแต่เราต้องเข้าใจ pain point ของแต่ละคน...เมื่อแก้ได้ เราจะได้กำลังเพิ่ม
- ถ้าเกินกำลังจะฟันฝ่า...ต้องนำเสนอปัญหาพร้อมแนวทางแก้ไขให้ผู้มีอำนาจช่วยแก้ / มัวแต่ท้อแท้จะได้อะไร?
Comments
Post a Comment