Skip to main content

Post#2-62: Live&Learn

Post#2-62:
ผมมักจะชวนทุกท่านคุยกันเรื่องเรียนรู้เรื่องนั่น นู่น นี่ อยู่บ่อยๆ และมักจะชวนให้ทุกท่านคิดก่อนที่จะอ่านต่อ...

หลายคนคิดก่อน แต่หลายคนอ่านรวดเดียวโดยไม่หยุดเสียเวลาคิด และบางคนก็ like ก่อนจะอ่านซะด้วยซ้ำ

ไม่ว่าท่านจะเป็นแบบไหนใน 3 แบบข้างต้น ผมหวังเพียงอย่างเดียว ว่าข้อเขียนของผมจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านบ้าง อย่างน้อยก็ในแง่ของการ "กระตุก" ต่อมคิด

...

ผมเคยแชร์คำถามสนุกๆ ที่ได้ยินมานานแล้ว (Post#59) คำถามนั้นมีว่า "รู้อะไรโง่ที่สุด?" และ "รู้อะไรเจ็บใจที่สุด?"

สำหรับท่านที่ไม่ได้อ่านโพสต์นั้น คำตอบของ "รู้อะไรโง่ที่สุด?" คือ "รู้แล้ว" และคำตอบของ "รู้อะไรเจ็บใจที่สุด?" คือ "รู้งี้" (หากต้องการอ่าน แจ้งมานะครับ ผมจะส่ง inbox ให้)

...

ใครที่ยังนึกภาพตามไม่ชัด งั้นมาลองคิดตามวาทะของท่านมหาตมะคานธี ดูมั๊ยครับ ท่านกล่าวไว้ว่า...

"Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever." แปลว่า "จงใช้ชีวิตเสมือนว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของคุณ แต่จงเรียนรู้เสมือนว่าคุณจะมีชีวิตเป็นอมตะ"

คนที่ใช้ชีวิตเสมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้ จะลงมือทำทุกอย่างทันที (แน่นอนว่า ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบที่สุดก่อนลงมือทำนะครับ) และไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็จะไม่บ่นว่า "รู้งี้"

ก็จะบ่นไปทำไมครับ ในเมื่อทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดล่ะครับ แล้วค่อยๆ ตั้งสติแก้ไขผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวังของเราอีกที

ส่วนคนที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จะไม่ยึดติดกับคำว่า "รู้แล้ว" แม้จะทำเรื่องเดิม ก็ควรต้องทบทวนขั้นตอนต่างๆ บ้าง วิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมใหม่ๆ บ้าง

อย่าลืมนะครับ ว่าเวลาน่ะเปลี่ยน, ใจของผู้บริโภคก็เปลี่ยน, คู่แข่งก็เปลี่ยน และสภาพเศรษฐกิจก็ไม่เหมือนเดิม

ผมคิดว่า ก็เหมือนการตีกอล์ฟนั่นแหละครับ เมื่อวานตีหลุมนี้ ได้เบอร์ดี้ ก็ใช่ว่าวันนี้มาเล่นที่หลุมเดิม จะได้เบอร์ดี้อีก แม้จะตีด้วยเหล็กเดิม, วงสวิงเดิม, ใส่ชุดเดิม, ฯลฯ แต่ก็ใช่ว่าเค้าจะเจาะหลุมที่เดิม, ลมจะพัดเหมือนเดิม, ฯลฯ

...

ดังนั้นแล้ว...สำหรับผม วาทะข้างต้นของท่านมหาตมะคานธี จึงเป็นสัจพจน์อย่างจริงแท้

ลงมือทำโดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมานั่งบ่น "รู้งี้" และพร้อมเปิดใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วิธีใหม่ๆ โดยไม่นึกประมาทในใจว่าเรื่องนี้ กรู "รู้แล้ว"

ไม่งั้นเราจะต้องมานั่งรำพึงกับตัวเองในภายหลังว่า "รู้งี้นะ วันนั้นไม่น่าคิดว่า "รู้แล้ว" เลย" O_o"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...