Post#2-71:
ถ้าจะมีการยกย่องใครให้เป็น "อัจฉริยะบุคคลของโลก" หนึ่งในนั้นย่อมต้องมี Albert Einstein (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) อยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ปล่าวครับ ผมไม่ได้จะมาชวนคุยเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่จะมาชวนให้ชื่นชมหลักคิดของไอน์สไตน์ ที่ผมคิดว่าเป็น "แก่น" ของการมองโลกของอัจฉริยะผู้นี้ จนนำไปสู่การค้นพบสำคัญๆ และเปลี่ยนแปลงโลก
ส่วนที่ว่าไอน์สไตน์ทิ้งมรดกอะไรให้โลกนี้บ้าง ผมขออนุญาตข้ามไปนะครับ เพราะจาระไนไม่หมดจริงๆ แต่ได้แปะ link ให้ผู้สนใจไว้แล้ว
ผมไม่ทราบว่า หลักคิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แต่ไปเห็นครั้งแรกที่กรุงจาการ์ต้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่งจะสบโอกาสได้ค้นข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวานนี้
ผมขอเรียกรวมๆ ว่า "หลักคิดของไอน์สไตน์" ก็แล้วกันนะครับ (พร้อมกับหลักคิดที่ว่า ผมได้แปลเป็นภาษาไทยให้แล้วในวงเล็บ ก็ต้องขออภัยหากแปลแล้ว ฟังไม่รื่นหูพอนะครับ)
Out of cluster, find simplicity. (ในความสับสนวุ่นวายนั้น, จงมองหาความเรียบง่าย)
From discord, find harmony. (จากความขัดแย้ง, จงมองหาความกลมกลืน)
In the middle of difficulty, lies opportunity. (ท่ามกลางอุปสรรค, ก็มีโอกาสรออยู่)
แล้วทั้ง 3 ประโยคที่ว่า เราจะนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? ลองอ่านทวนอีกเที่ยวมั๊ยครับ แล้วก็ค่อยๆ คิดตามไปด้วย ผมขออนุญาตกำหนดเวลาไว้ที่ 5 นาที พอมั๊ยครับ?
...
แน่นอนว่า ต่างคนต่างตีความไม่เหมือนกันนะครับ แต่สำหรับผม ผมตีความว่า...
จากหลักคิดประโยคที่หนึ่ง ในการแก้ไขปัญหาใดๆ ก็ตาม จงมองปัญหาเป็นส่วนๆ อย่ามองแบบองค์รวม และเริ่มแก้ปัญหาไปทีละขั้นทีละตอน
เช่น (7x8)+(4-2)+(65x9)-(8+(7-9))+12x(8/4) = ?
ถ้ามองแบบองค์รวม รับรองมึนตึ้บครับ แต่ถ้าทำไปทีละวงเล็บ ก็พอไหว
ส่วนประโยคที่ 2 เราอาจจะประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาได้ โดยการมองหาความเหมือนในความต่าง เมื่อเราหาตัวร่วมได้ ก็จัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น
เช่น ตอนไปทานข้าวพร้อมกันหลายๆ คน ต่างคนต่างสั่งจนคนรับ order งงไปหมด ทันใดนั้น ก็มีเพื่อนเราคนใดคนหนึ่ง ถามคำถามว่า "ใครจะกินข้าวผัดหมู" แล้วบางคนในกลุ่มก็ยกมือ คนรับ order ก็จด แล้วเพื่อนเราก็ถามต่อ "ใครจะกินกระเพราไก่+ไข่ดาวสุกๆ" แล้วก็ต่อไปแบบนี้...
จะเห็นว่า ท่ามกลางความขัดแย้ง (หรือวุ่นวาย) หากหาตัวร่วมได้ ก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
ส่วนการประยุกต์ใช้หลักคิดในประโยคที่ 3 นั้น ผมคิดว่า คงไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างอะไรแล้วล่ะครับ เพราะการที่เราสามารถประยุกต์หาวิธีแก้ปัญหาจากประโยคที่ 1 และ 2 ได้นั้น
ก็เป็นสิ่งพิสูจน์ได้แล้วว่า...
ท่ามกลางอุปสรรคใดๆ ล้วนมีโอกาสซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ^^
*อยากรู้จัก Albert Einstein เพิ่มเติม เชิญที่ http://th.m.wikipedia.org/wiki/อัลเบิร์ต_ไอน์สไตน์
ถ้าจะมีการยกย่องใครให้เป็น "อัจฉริยะบุคคลของโลก" หนึ่งในนั้นย่อมต้องมี Albert Einstein (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) อยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ปล่าวครับ ผมไม่ได้จะมาชวนคุยเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่จะมาชวนให้ชื่นชมหลักคิดของไอน์สไตน์ ที่ผมคิดว่าเป็น "แก่น" ของการมองโลกของอัจฉริยะผู้นี้ จนนำไปสู่การค้นพบสำคัญๆ และเปลี่ยนแปลงโลก
ส่วนที่ว่าไอน์สไตน์ทิ้งมรดกอะไรให้โลกนี้บ้าง ผมขออนุญาตข้ามไปนะครับ เพราะจาระไนไม่หมดจริงๆ แต่ได้แปะ link ให้ผู้สนใจไว้แล้ว
ผมไม่ทราบว่า หลักคิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แต่ไปเห็นครั้งแรกที่กรุงจาการ์ต้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่งจะสบโอกาสได้ค้นข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวานนี้
ผมขอเรียกรวมๆ ว่า "หลักคิดของไอน์สไตน์" ก็แล้วกันนะครับ (พร้อมกับหลักคิดที่ว่า ผมได้แปลเป็นภาษาไทยให้แล้วในวงเล็บ ก็ต้องขออภัยหากแปลแล้ว ฟังไม่รื่นหูพอนะครับ)
Out of cluster, find simplicity. (ในความสับสนวุ่นวายนั้น, จงมองหาความเรียบง่าย)
From discord, find harmony. (จากความขัดแย้ง, จงมองหาความกลมกลืน)
In the middle of difficulty, lies opportunity. (ท่ามกลางอุปสรรค, ก็มีโอกาสรออยู่)
แล้วทั้ง 3 ประโยคที่ว่า เราจะนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? ลองอ่านทวนอีกเที่ยวมั๊ยครับ แล้วก็ค่อยๆ คิดตามไปด้วย ผมขออนุญาตกำหนดเวลาไว้ที่ 5 นาที พอมั๊ยครับ?
...
แน่นอนว่า ต่างคนต่างตีความไม่เหมือนกันนะครับ แต่สำหรับผม ผมตีความว่า...
จากหลักคิดประโยคที่หนึ่ง ในการแก้ไขปัญหาใดๆ ก็ตาม จงมองปัญหาเป็นส่วนๆ อย่ามองแบบองค์รวม และเริ่มแก้ปัญหาไปทีละขั้นทีละตอน
เช่น (7x8)+(4-2)+(65x9)-(8+(7-9))+12x(8/4) = ?
ถ้ามองแบบองค์รวม รับรองมึนตึ้บครับ แต่ถ้าทำไปทีละวงเล็บ ก็พอไหว
ส่วนประโยคที่ 2 เราอาจจะประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาได้ โดยการมองหาความเหมือนในความต่าง เมื่อเราหาตัวร่วมได้ ก็จัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น
เช่น ตอนไปทานข้าวพร้อมกันหลายๆ คน ต่างคนต่างสั่งจนคนรับ order งงไปหมด ทันใดนั้น ก็มีเพื่อนเราคนใดคนหนึ่ง ถามคำถามว่า "ใครจะกินข้าวผัดหมู" แล้วบางคนในกลุ่มก็ยกมือ คนรับ order ก็จด แล้วเพื่อนเราก็ถามต่อ "ใครจะกินกระเพราไก่+ไข่ดาวสุกๆ" แล้วก็ต่อไปแบบนี้...
จะเห็นว่า ท่ามกลางความขัดแย้ง (หรือวุ่นวาย) หากหาตัวร่วมได้ ก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
ส่วนการประยุกต์ใช้หลักคิดในประโยคที่ 3 นั้น ผมคิดว่า คงไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างอะไรแล้วล่ะครับ เพราะการที่เราสามารถประยุกต์หาวิธีแก้ปัญหาจากประโยคที่ 1 และ 2 ได้นั้น
ก็เป็นสิ่งพิสูจน์ได้แล้วว่า...
ท่ามกลางอุปสรรคใดๆ ล้วนมีโอกาสซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ^^
*อยากรู้จัก Albert Einstein เพิ่มเติม เชิญที่ http://th.m.wikipedia.org/wiki/อัลเบิร์ต_ไอน์สไตน์
Comments
Post a Comment