Post#2-64:
ผมพบตัวเองอยู่ที่กรุงจาการ์ต้าอีกครั้ง เพื่อมาประชุมกับลูกค้าคนสำคัญ
โจทย์ของการทำธุรกิจที่ยั่งยืนก็คือ ทำยังไงให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการขาย เป็น "ผู้ชนะ" ทั้งหมด จะชนะเล็กหรือชนะใหญ่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเท่ากับว่า เรา "ชนะ" ในขณะที่คนอื่นๆ "แพ้" รึเปล่า?
ผมผ่านประสบการณ์ในวงการค้าปลีกมาไม่น้อย เคยเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมาแล้ว และต้องสารภาพว่า เคยเป็นทั้งผู้ "ชนะใหญ่", "ชนะเล็ก" หรือแม้กระทั่งเป็น "ผู้แพ้"
คงไม่มีอะไรต้องกล่าวถึง หากทั้ง 2 ฝ่าย เป็น "ผู้ชนะ" หากแต่ถ้ามีฝ่ายหนึ่งเป็น "ผู้แพ้" น่าสนใจว่าเค้ากลายเป็น "ผู้แพ้" เพราะเราหรือไม่ต่างหาก
ผู้คนไม่มีวันลืม วิถีทางที่เราทำไว้กับเค้า แม้เค้าจะไม่ติดใจเอาความ แต่แน่นอนว่า รอยแผลที่เราฝากไว้มันย่อมจะกลายเป็นสิ่งย้ำเตือนฝ่ายที่บาดเจ็บอย่างแน่นอน
...
เช่นเดียวกับการมาพบลูกค้าในครั้งนี้ ผมมาเพื่อมาประชุมแผนการตลาดสำหรับสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อไปแล้ว ชำระเงินมาแล้ว แต่ไม่สามารถผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้
ผมจึงเห็นว่า เราควรจะมาที่นี่ มาช่วยลูกค้าของเราในยามที่เค้าต้องการความเห็นและมุมมอง...แม้ที่นี่จะเป็นประเทศที่เราไม่คุ้นเคย แต่เราก็ไม่ควรนิ่งดูดาย...หากลูกค้าหรือคู่ค้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี
ที่ผมเล่าให้ฟังนี้...ไม่ใช่เพื่อยกหางตัวเอง แต่เพื่อแชร์ให้ฟังถึงความสำคัญที่เราต้องแสวงหาความยั่งยืนทางธุรกิจ...เมื่อลูกค้าหรือคู่ค้ารอด เราเองก็รอดด้วยในระยะยาว
หากแต่การปล่อยให้ลูกค้าหรือคู่ค้าล้มหายตายจาก...ผมก็อยากจะรู้ว่า เราจะซื้อหรือขายสินค้าให้ใครกัน?
...
วิธีคิดแห่งการเกื้อกูลกันทางธุรกิจนี้ เป็นมรดกตกทอดของปรัชญาตะวันออก ที่นับวันจะหาได้ยากยิ่ง...เราในฐานะลูกหลาน จึงควรรักษาปรัชญาดีๆ ไว้ ไม่ใช่ยึดตามปรัชญาตะวันตกที่เน้น "winner takes all"
ไม่ว่าเราจะเป็นคนซื้อหรือคนขาย สิ่งหนึ่งที่เราต้องยึดถือก็คือ เราไม่ควรคิดแค่ "ชนะสั้น" เหมือนนิทานอีสปเรื่อง "ห่านทองคำ" คิดว่าทุกท่านน่าจะเคยได้ยินอยู่บ้างนะครับ
ดังนั้น ดูแลห่านให้ดีครับ จะได้มี "ไข่ทองคำ" ให้ทุกวัน ^^
Comments
Post a Comment