Skip to main content

Post#2-66: กะลาที่ชื่อ AEC

Post#2-66:
เช้านี้ ผมมีโอกาสได้คุยกับนักธุรกิจชาวเวียดนามและลาว ถึงความเป็นไปได้ที่จะทำธุรกิจร่วมกัน

ความจริงการตื่นตัวรับกระแส AEC นั้น ไม่ได้มาเพิ่งเริ่ม boom ในช่วงนี้ หากแต่ในกลุ่มรอบๆ ประเทศของเรา โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV น่ะ มีความคึกคักเป็นอย่างยิ่งในช่วง 5-6 ปีหลังๆ มานี้

ในส่วนของภาครัฐของแต่ละประเทศก็มีการเตรียมตัวรองรับ AEC ในระดับหนึ่ง แต่ในแง่ของเอกชนก็ขึ้นอยู่กับว่า มองเห็นโอกาสมากหรือน้อยต่างกันอย่างไร

...

แล้วสำหรับตัวเราเองล่ะครับ เตรียมตัวรับ AEC กันมากน้อยแค่ไหนกัน? บางคนอาจมองว่า AEC เป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วอาจส่งผลกระทบถึงชีวิตเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ยกตัวอย่างเช่น...

เมื่อเทียบค่าแรงงานแล้ว เราอาจสูญเสียโอกาสในการเป็นฐานการผลิตได้ ใครที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติ อาจแจ้คพอทแตก โดนเลิกจ้าง เพราะบริษัทข้ามชาติที่ว่า ย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่น

คนที่มีค่าตัวเพิ่มจากการใช้ภาษาอังกฤษได้ ก็อาจมีคู่แข่งที่มาจากประเทศอื่น ที่ใช้ภาษาอังกฤษเก่งกว่าเรา แต่มีค่าตัวที่ถูกกว่าเรา (เด็กรุ่นใหม่ๆ จากกลุ่ม CLMV นี่แหละครับ คู่แข่งสำคัญเลย)

คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ อาจหางานได้ยากขึ้น เพราะงานส่วนหนึ่งจะไปอยู่ตามจังหวัดชายแดนที่ติดกับพื้นที่ตลาดใหม่ๆ ไปซะงั้น (ประเทศไทยมีพรมแดนดิดกับอีก 4 ประเทศเลยนะครับ)

คนที่ทำงาน Call Center และพูดภาษาอังกฤษได้ อาจตกงานก็ได้ เพราะประเทศฟิลิปปินส์เป็นจ้าวแห่งเรื่องนี้ อย่างที่เรียกว่า "ไร้คู่ต่อกร"

...

ดังนั้น ถ้าใครมัวแต่ภูมิใจว่ามี competency (ศักยภาพทางการแข่งขัน) ในตัว คือ "รู้ภาษาอังกฤษ" ก็อาจไม่พอที่จะใช้ในการแข่งขันในระดับเวทีสากลอย่าง AEC อย่างแน่นอน

คนที่พอใจกับแค่ความรู้ความเชี่ยวชาญที่มี ถ้าไม่หมั่นเติมให้มากขึ้นและมากขึ้น ก็จะไม่ต่างจาก "กบในกะลา" เพราะมัวแต่ภูมิใจว่าตัวข้านี้ใหญ่คับกะลา แต่เมื่อไหร่ที่เค้าเปลี่ยนกะลาที่ครอบให้ใหญ่ขึ้น กบอย่างเราอาจจะกลายเป็นกบตัวจิ๋วที่แทบจะมองไม่เห็นก็เป็นได้

หลายคนอาจยังไม่กังวล เพราะผลกระทบยังไม่เกิด, หลายคนเตรียมตัวรับมือไว้พร้อมแล้ว, หลายคนอาจกำลังถามว่า CLMV กับ AEC คืออะไร (วะ)?

ไม่ว่าใครจะอยู่ในข่ายไหน ก็อย่าประมาทครับ ยังจำเรื่อง "มดกับจิ้งหรีด" ที่ผมเล่าไว้ใน Post#126 ได้มั๊ยก็ไม่ทราบ

เพื่อเป็นข้อมูลอีกนิด, AEC น่ะ เริ่มปีหน้านะครับ (คืออีกไม่ถึงเดือนครึ่งนั่นเอง), ยังทันครับ สำหรับคนที่ยังไม่ได้เริ่มเตรียมตัว เพราะกว่า AEC จะเป็นปึกแผ่นสมบูรณ์ ก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ

*ใครสนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AEC เชิญที่ http://www.thai-aec.com ครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...