Skip to main content

Post#2-63: สื่อสารกันหน่อย...อย่าปล่อยให้ชั้นคอยเก้อ

Post#2-63:
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประมาณทุ่มกว่าๆ มีลูกน้องท่านหนึ่งแจ้งผมว่า มีเอกสารด่วนที่ต้องให้กรรมการชาวต่างชาติลงนาม

โดยปกติแล้ว ถ้าผมไม่ลงนามก่อน เสมือนว่าได้ตรวจสอบให้แล้ว เค้าจะไม่ลงนามเด็ดขาด

ผมก็แจ้งน้องไปว่า "ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวถ่ายรูปเอกสารแล้วส่งมาทาง Line นะ เดี๋ยวพี่จะส่งต่อให้เค้าเข้าใจ แล้วเค้าก็จะไปลงนามให้ในวันจันทร์แต่เช้าเลย"

นัดแนะกันดิบดี ผมก็สบายใจ

...

รุ่งขึ้นคือวันเสาร์ ผมชักเอะใจว่าทำไมไม่มีรูปส่งมาทาง Line ตามที่นัดกันเลย เที่ยงกว่าแล้ว...

ว่าแล้วผมก็ส่ง Line ไปหาน้อง ถามว่าลืมรึเปล่าที่คุยกันไว้เมื่อคืน

น้องเค้าตอบว่า "หนูให้น้องอีกคนที่ office ส่ง eMail ให้พี่แล้ว พี่ไม่ได้รับหรือคะ?"

ผมอึ้งอยู่แป๊บนึง...เพราะตกลงกันว่า จะส่งให้ทาง Line แต่กลับส่งให้ด้วย eMail?

...

บางครั้งผมก็งงกับวิธีคิดของน้องๆ หรืออาจจะเป็นเพราะผมแก่เกินไปก็ไม่แน่ใจ...

อารมณ์เหมือนนัดกันว่า ให้ไปยืนคอยที่หน้าห้องสมุด แต่คนที่นัดกับเราไปยืนรอเราที่หน้าห้องดนตรี O_o"

พอเราโทรไปถามว่า "อยู่ที่ไหน ชั้นรออยู่หน้าห้องสมุดตั้งนานแล้ว" แล้วเธอก็ตอบว่า "อ้าว! ชั้นมารอเธออยู่หน้าห้องดนตรีตั้งนานแล้วเหมือนกัน เธอไม่รู้หรือไง?"

...

ความจริงผมไม่มีปัญหาถ้าน้องเค้าจะเปลี่ยนวิธีการส่งข้อมูล แต่ผมมึนว่า ทำไมเธอไม่แจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ตกลงกันไว้?

อะไรคือวิธีคิดว่า ทุกคนจะรับรู้ได้เองว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องแจ้ง?

...

ถ้าผมไม่สะกิดใจ มัวแต่รอให้ข้อมูลปรากฏขึ้นบน Line ตามที่นัดกัน โดยไม่ใส่ใจที่จะตาม อะไรจะเกิดขึ้น?

งานที่ต้องล่าช้าและก่อให้เกิดความเสียหาย ควรเป็นผมหรือเธอที่ต้องรับผิดชอบ?...เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ได้เล็กเลย ถ้าเกิดความเสียหายขึ้น

ใส่ใจในการติดตามงานเพิ่มขึ้นอีกนิดนะครับ อย่าไปมัวคิดว่า ไม่ใช่หน้าที่เรา แต่เป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่ต้องตามงาน...

เพราะเราอาจจะหยุดยั้งความวุ่นวายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา...ได้อีกมาก

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...