Post#2-72:
ระหว่างนั่งรอเวลาเครื่องออกอยู่ที่ King Power Lounge ผมโชคดีที่มีโอกาสได้พบอดีตเจ้านายที่รักยิ่งท่านหนึ่ง (เคยเล่าถึงคำสอนของท่านไว้ครั้งหนึ่งแล้วใน Post#252)
ให้น่าแปลกใจที่ผมพึ่งจะนึกถึงท่านเมื่อ 2-3 วันมานี้เอง...
สมัยที่ผมทำงานอยู่กับท่าน บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องเคี่ยวเข็ญลูกน้องสารพัด เรียกว่าประชุมกับท่านแต่ละครั้ง ทุกคนแทบจะถอดใจเลยทีเดียว
แล้วโชคชะตาก็ส่งผมออกมาเผชิญโลกกว้าง ผมไม่ได้เป็นลูกน้องท่านอีกต่อไป...แต่วันที่ผมไปกราบลาท่าน ท่านก็ยังเป็นห่วงเป็นใย สั่งสอนและให้แนวคิดต่างๆ อีกมากมาย
...ผ่านไปกว่า 4 ปี จนวันนี้ผมมาพบท่านโดยบังเอิญ ผมเข้าไปกราบสวัสดีท่าน และมีโอกาสได้สนทนากับท่านอยู่พักสั้นๆ
ผมเรียนท่านว่า ผมต้องกราบขอบคุณท่าน เพราะวิชาความรู้ที่ท่านเคี่ยวเข็ญพร่ำสอน ผมได้ใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ฟันฝ่ามาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อนึกถึงเวลาที่ผมเคี่ยวเข็ญ, ดุว่า และผลักดันลูกน้องครั้งใด ผมเป็นต้องเห็นหน้าท่านลอยมาในห้วงนึกทุกทีไปเช่นกัน
ตอนหนึ่งของการสนทนา ท่านก็ให้แนวคิดในการทำธุรกิจ ซึ่งผมฟังไปก็อมยิ้มไป เพราะเมื่อก่อนท่านเคยสอนผมไว้ยังไง เดี๋ยวนี้ท่านก็ยังยึดมั่นและสั่งสอนผมด้วยคำพูดเดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้น ท่านก็สอบถามสารทุกข์สุกดิบ และถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ว่ามีอะไรให้ช่วยมั๊ย...ผมยิ้ม และกราบเรียนท่านว่า เพียงท่านถามด้วยความเอ็นดูและเมตตา ผมก็รู้สึกเป็นพระคุณอย่างมากแล้ว คงไม่กล้ารบกวนอะไรท่าน
ก่อนจากกัน ท่านก็อวยพรและจากไปพร้อมรอยยิ้ม ผมมองตามหลังท่านไปพร้อมน้ำตาที่รื้นอยู่ขอบตาพลางนึกไปว่า
แผ่นหลังของเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ช่างดูแล้วอบอุ่นอย่างยิ่ง...และไม่อาจรู้ได้ว่า วันหนึ่งในอนาคต ผมจะมีโอกาสเป็น "เจ้านาย" แบบท่านได้ไหมหนอ?
เป็น "เจ้านาย" ที่ทำให้อดีตลูกน้องได้ระลึกถึงคำสั่งสอน, เป็นตัวอย่างแห่งความทุ่มเททำงาน และเป็น "เจ้านาย" ที่ไม่ว่าเราจะพบท่านเมื่อไหร่ก็ตาม ก็อยากเข้าไปกราบสวัสดีและรับพรจากท่าน
ขอบคุณที่ยังเอ็นดูผมนะครับ "เจ้านาย"
Comments
Post a Comment