Post#2-83:
เมื่อวานเล่าเรื่องเครียดไปนิด คราวนี้มาเรื่องเบาๆ บ้างละกันนะครับ ^^
วันรุ่งขึ้นของวันที่ผมมาถึง เป็นวันขอบคุณพระเจ้า (หรือฝรั่งเรียกว่า Thanksgiving Day) ซึ่งมีความสำคัญเหมือนวันตรุษจีนของชาวจีนในเมืองไทยนั่นล่ะครับ
เท่าที่ผมทราบมา วันนี้ยังถือเป็นวันหยุดแรกของปีของพวกเค้าอีกด้วย (ที่ประเทศนี้ ไตรมาสที่ 1 จะตรงกับไตรมาสที่ 4 ของบ้านเรา)
ลึกๆ ผมก็ไม่ค่อยทราบถึงความสำคัญของวันนี้มากนักนะครับ เข้าไปค้นใน Google ก็ไม่ได้ความประทับใจอะไรมากนัก แต่เมื่อพูดถึงวันนี้ ก็ต้องนึกถึง "ไก่งวง" ซึ่งถือเป็นอาหารประจำเทศกาล ประมาณว่า ถ้าไม่กินถือว่า "ผิด" (อิอิ ยืม "ครัวคุณต๋อย" มาครับ)
แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่กลายเป็นว่า วันขอบคุณพระเจ้านี้ กลายเป็นเทศกาลที่ผู้คนต่างรอคอยเพื่อจะออกมา "ช้อปปิ้ง" กันแบบสะบั้นหั่นแหลก เพราะสินค้าต่างๆ ลดราคาลงแบบเรียกว่า "ถูกที่สุดของปี" ถูกกว่าวันคริสต์มาสซะอีก
เรียกว่าบางคนตื่นแต่เช้า ตี 4 หรือตี 5 เพื่อที่จะได้ไปเข้าคิวแรกๆ กันเลยทีเดียว ส่วนกะเหรี่ยงอย่างผม ไปช้อปปิ้งเอาดึกๆ ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม...ซึ่งทีแรกกะว่าจะไม่ซื้อ แต่สุดท้ายได้ของเล่นลูกมา 1 รถเข็นใหญ่ๆ >"<
งานเปิดร้านอาหารของน้องสาวผมนั้น เข้าขั้นหนักมาก ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ดังนั้น วันหยุดที่เธอไม่ค่อยจะได้มีแบบนี้ จึงกลายเป็นโอกาสดีๆ ที่ครอบครัวได้มาอยู่กับเธอ
เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นสายๆ (อิอิ) และไปทานอาหารจีนในภัตราคารจีนขนาดใหญ่ โดยญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งของเราเป็นเจ้าภาพ...ทานข้าวไปก็ฟังท่านเล่าถึงผู้คนที่นี่ไปด้วย
...
เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ American Dream มั๊ยครับ? นั่นแหละครับ แก่นและเรื่องราวทั้งหมดที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าให้ผมฟัง...ซึ่งหลักๆ แล้ว กลับกลายเป็นคนเอเชียนี่แหละครับ ที่เดินอยู่บนหนทางของ American Dream
สั้นๆ เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับ American Dream ก็คือ "โอกาสที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่แสวงหาความสำเร็จผ่านการทำงานหนักและทุ่มเท" นั่นเองครับ
เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ หลายๆ คนที่นี่ กลับกลายเป็นชาวเอเชียที่เริ่มต้นด้วยมือเปล่า ต่อสู้ด้วยความอุตสาหะ หนักเอาเบาสู้ ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย และทุ่มเททำงานมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งสิ้น
ผมฟังที่ท่านเล่าแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นจริงๆ ครับ และก็ถือว่า ประเทศนี้ก็มีดีอยู่ที่ "โอกาส" ที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มี American Dream อยู่ในหัวใจจริงๆ
คำว่า "โอกาส" จึงมีนัยแฝงมากมายในตัว...ผู้มองเห็น "โอกาส" จึงเป็นผู้ที่มี "โอกาส" ส่วนผู้ที่มองไม่เห็นโอกาสที่อยู่ตรงหน้า จึงมองเห็นแต่เพียง "อากาศ" หรือ "ความว่างเปล่า" เท่านั้นเอง...
แล้วพวกเราล่ะครับ...พร้อมจะคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้า...หรือคิดจะแค่มองมันอยู่เฉยๆ กันดี?
เมื่อวานเล่าเรื่องเครียดไปนิด คราวนี้มาเรื่องเบาๆ บ้างละกันนะครับ ^^
วันรุ่งขึ้นของวันที่ผมมาถึง เป็นวันขอบคุณพระเจ้า (หรือฝรั่งเรียกว่า Thanksgiving Day) ซึ่งมีความสำคัญเหมือนวันตรุษจีนของชาวจีนในเมืองไทยนั่นล่ะครับ
เท่าที่ผมทราบมา วันนี้ยังถือเป็นวันหยุดแรกของปีของพวกเค้าอีกด้วย (ที่ประเทศนี้ ไตรมาสที่ 1 จะตรงกับไตรมาสที่ 4 ของบ้านเรา)
ลึกๆ ผมก็ไม่ค่อยทราบถึงความสำคัญของวันนี้มากนักนะครับ เข้าไปค้นใน Google ก็ไม่ได้ความประทับใจอะไรมากนัก แต่เมื่อพูดถึงวันนี้ ก็ต้องนึกถึง "ไก่งวง" ซึ่งถือเป็นอาหารประจำเทศกาล ประมาณว่า ถ้าไม่กินถือว่า "ผิด" (อิอิ ยืม "ครัวคุณต๋อย" มาครับ)
แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่กลายเป็นว่า วันขอบคุณพระเจ้านี้ กลายเป็นเทศกาลที่ผู้คนต่างรอคอยเพื่อจะออกมา "ช้อปปิ้ง" กันแบบสะบั้นหั่นแหลก เพราะสินค้าต่างๆ ลดราคาลงแบบเรียกว่า "ถูกที่สุดของปี" ถูกกว่าวันคริสต์มาสซะอีก
เรียกว่าบางคนตื่นแต่เช้า ตี 4 หรือตี 5 เพื่อที่จะได้ไปเข้าคิวแรกๆ กันเลยทีเดียว ส่วนกะเหรี่ยงอย่างผม ไปช้อปปิ้งเอาดึกๆ ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม...ซึ่งทีแรกกะว่าจะไม่ซื้อ แต่สุดท้ายได้ของเล่นลูกมา 1 รถเข็นใหญ่ๆ >"<
งานเปิดร้านอาหารของน้องสาวผมนั้น เข้าขั้นหนักมาก ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ดังนั้น วันหยุดที่เธอไม่ค่อยจะได้มีแบบนี้ จึงกลายเป็นโอกาสดีๆ ที่ครอบครัวได้มาอยู่กับเธอ
เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นสายๆ (อิอิ) และไปทานอาหารจีนในภัตราคารจีนขนาดใหญ่ โดยญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งของเราเป็นเจ้าภาพ...ทานข้าวไปก็ฟังท่านเล่าถึงผู้คนที่นี่ไปด้วย
...
เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ American Dream มั๊ยครับ? นั่นแหละครับ แก่นและเรื่องราวทั้งหมดที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าให้ผมฟัง...ซึ่งหลักๆ แล้ว กลับกลายเป็นคนเอเชียนี่แหละครับ ที่เดินอยู่บนหนทางของ American Dream
สั้นๆ เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับ American Dream ก็คือ "โอกาสที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่แสวงหาความสำเร็จผ่านการทำงานหนักและทุ่มเท" นั่นเองครับ
เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ หลายๆ คนที่นี่ กลับกลายเป็นชาวเอเชียที่เริ่มต้นด้วยมือเปล่า ต่อสู้ด้วยความอุตสาหะ หนักเอาเบาสู้ ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย และทุ่มเททำงานมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งสิ้น
ผมฟังที่ท่านเล่าแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นจริงๆ ครับ และก็ถือว่า ประเทศนี้ก็มีดีอยู่ที่ "โอกาส" ที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มี American Dream อยู่ในหัวใจจริงๆ
คำว่า "โอกาส" จึงมีนัยแฝงมากมายในตัว...ผู้มองเห็น "โอกาส" จึงเป็นผู้ที่มี "โอกาส" ส่วนผู้ที่มองไม่เห็นโอกาสที่อยู่ตรงหน้า จึงมองเห็นแต่เพียง "อากาศ" หรือ "ความว่างเปล่า" เท่านั้นเอง...
แล้วพวกเราล่ะครับ...พร้อมจะคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้า...หรือคิดจะแค่มองมันอยู่เฉยๆ กันดี?
Comments
Post a Comment