Skip to main content

Post#2-77: ลูกเรากำลังแข่งอยู่กับใคร?

Post#2-77:
หนึ่งในกับดักสำคัญที่ผมคอยเตือนตัวเองให้ระวังในการเลี้ยงลูกก็คือ "การเปรียบเทียบ"

ที่ผมว่าเรื่องนี้เป็นกับดักสำคัญ ก็เพราะหากเค้าเปรียบเทียบตัวเองไม่ถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียกับเค้าในระยะยาวได้อย่างมาก กลายเป็นพวก "ไม่กล้าออกนอกกรอบ" หรืออาจกลายเป็นพวก "แพ้ไม่เป็น" ก็เป็นได้

...

ผมมักจะกังวลใจเวลาลูกเล่าให้ฟังว่า วันนี้เค้าทำอะไรชนะเพื่อนได้บ้าง?

กลับมานั่งทบทวนตัวเองว่า ผมมีส่วนทำให้ลูกชอบ "เอาชนะ" รึเปล่า? ก็ตอบตัวเองได้ไม่แน่ชัด และผมก็ไม่ได้ไปอยู่กับเค้าตลอดเวลา จึงไม่อาจรู้ได้ว่า ที่โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการอยู่ร่วมกันแบบใด?

แน่นอนว่า ผมชอบและอยากให้ลูกเป็น "ผู้ชนะ" แต่เป็นผู้ชนะเมื่อเทียบกับอะไรต่างหาก ที่ตัวผมเองและคนที่เป็นพ่อและแม่ทั้งหลาย ต้อง"ปุจฉา" ตัวเอง

...

การที่เค้าชนะเพื่อนไม่ได้หมายความว่าเค้าเก่ง เพราะการเทียบแบบนี้เป็นการเทียบแบบ "อิงกลุ่ม" (เคยเล่าไว้ครั้งนึงแล้วใน Post#189) ซึ่งถ้าไม่ระวัง เค้าอาจจะเคยชินกับการเทียบตัวเองกับรอบข้าง โดยไม่เห็นภาพที่กว้างกว่า นั่นแปลว่าเค้าอาจจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คนไม่เก่งก็ได้

ดังนั้น ผมมักจะตั้งเป้าหมายให้ลูกแข่งกับ "เกณฑ์" เช่น ขอให้ได้คะแนนมากกว่า 90 คะแนน ถ้าทำได้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จ จากนั้น ผมจึงไปเทียบอีกครั้ง ว่าเกณฑ์ 90 คะแนนที่ว่านี้ สูงเป็นอันดับที่เท่าไหร่ในกลุ่ม?

เรียกว่า เทียบด้วยการ "อิงเกณฑ์" ก่อน แล้วค่อยไป "อิงกลุ่ม" ทำให้ลูกสาวผมมีโฟกัสว่าไม่ต้องไปแข่งกับ "คนอื่น" แต่แค่แข่งกับ "ตัวเอง" ก็พอ

ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มาต่ำกว่าเมื่ออิงกลุ่ม ครั้งต่อไปผมก็จะขยับเป้าหมายให้สูงขึ้น และเป็นการสร้างวิธีคิดให้ลูกแข่งกับ "มาตรฐานของตัวเอง" (โดยเทียบกับรอบข้างแค่บางๆ เบาๆ) เรียกว่า บรรลุเป้าหมายตัวเองให้ได้ แล้วค่อยๆ ยกระดับมาตรฐานขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง

เมื่อไม่มีคู่เปรียบในกลุ่มเดียวกันแล้ว ผมก็จะขยับไปหากลุ่มใหม่ในการเทียบเคียงต่อไปเรื่อยๆ เรียกว่า เปลี่ยน "กะลา" ที่ครอบอยู่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น...เจ้ากบน้อยของผมจะได้ระลึกอยู่เสมอว่า เค้ายังมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ใช่พอใจแค่การเป็น "จ้าว" ในกะลาเล็กๆ

เมื่อเค้าไม่กลัวกับการเปลี่ยนกะลาที่ครอบ ก็แปลว่าเค้าไม่ได้อยู่ในกรอบเดิมๆ พร้อมจะแข่งขันในเวทีใหม่ เริ่มต้นใหม่ในฐานะ "ผู้ท้าชิง" อยู่เสมอ

และการที่เค้าแข่งกับเกณฑ์ ก็แปลว่า เค้ารู้จัก "แพ้" เพราะเค้าจะรู้ว่า ยังมีคนที่เก่งกว่าและเหนือกว่า ให้เค้าไป "ท้าชิง" และการที่เค้าจะกลายเป็นผู้ชนะได้ แปลว่า เค้าจะต้องสร้างมาตรฐานใหม่ให้เหนือกว่าเดิม ไม่ใช่ชนะเพราะคนอื่นทำได้แย่ลง

...

วิธีการนี้ ผมใช้เป็นกรอบกว้างๆ ในการกำหนดเป้าหมายให้ลูก ทั้งในเรื่องการเรียนรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เค้าเลือกที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นบัลเล่ต์, เปียโน, วาดรูป, ว่ายน้ำ, ฯลฯ

เมื่อทุกๆ วันของเค้า มีเป้าหมายชัด ผมก็หวังว่า เมื่อเค้าเติบโตขึ้น ไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง เค้าก็จะบอกตัวเองได้ว่า เค้าใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเพื่ออะไร

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...