Post#2-75:
เมื่อวานเพื่อนผมคนหนึ่งโทรมาหา เธอมีเรื่องมาเม้าส์ให้ผมฟัง
เพื่อนผมคนนี้และสามีของเธอ (ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ผมสนิทและนับถือที่สุดท่านหนึ่ง) เป็นผู้ใฝ่ธรรมะ ถือศีลแปดทุกวันพระ และเดินสายทำบุญกันบ่อยมาก บางครั้งถึงกับไปบำเพ็ญบารมีถึงประเทศอินเดีย ก็ทำมาแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว อย่างผมนี่เรียกว่าธรรมะสาย “ศึกษา” รู้ทฤษฏีธรรมะมากจริง (เรียกว่าเน้น "ปริยัติ") แต่ยังย่อหย่อนกับการปฏิบัติ ในขณะที่เพื่อนผมเป็นสายเน้น “ปฏิบัติ” และรู้ปริยัติในระดับดี
คราวนี้ ให้บังเอิญเพื่อนผมไปเจอเพื่อนอีกท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ A ละกันนะครับ) ที่มีความรู้ในเรื่องศาสตร์แห่งตัวเลขในระดับขั้น “เทพ” เจ๋งขนาดที่ว่า เห็นเบอร์โทรศัพท์ผมปุ๊บ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเจ้าของเบอร์ฯ ได้ราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี
พอเธอฟังเรื่องที่ A เล่าถึงชีวิตของผมปั๊บ เธอบอกว่า เธอไม่อยากจะเชื่อ เพราะ A เล่าออกมาอย่างชนิดที่เรียกว่า นึกว่าผมมาเล่าชีวิตของผมให้เธอฟังอยู่ตรงหน้ายังไงยังงั้น
เธอและสามีของเธอรู้ดีว่า ผมเป็นคนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยความหวังดีและเป็นห่วงผม เธอเลือกที่จะ “พยายาม” เล่าให้ผมฟัง และถ่ายทอดความรู้สึกแห่งความเป็นห่วงเป็นใยนี้ให้ผมรับรู้ได้อย่างชัดเจน ผ่านน้ำเสียงและวิธีการเล่าเรื่อง
ผมบอกเธอไปว่า ผมขอบคุณจริงๆ ที่เธอและสามีของเธอเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ ผมยินดีที่จะเปลี่ยนเบอร์ฯ ตามที่เธอแนะนำ ไม่ใช่เพราะผมเชื่อว่าการเปลี่ยนเบอร์ฯ จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมได้ แต่การยอมเปลี่ยนเบอร์ฯ ที่ใช้มานับ 7 - 8 ปี นั้น เกิดจากเหตุผลอื่น
ก่อนหน้านี้ มีคนรู้จักและเพื่อนๆ ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ที่เล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับการเปลี่ยนเบอร์ฯ ว่าดียังงั้น ดียังโง้น ซึ่งผมได้แต่ฟังแล้วก็เฉยๆ ไม่ได้เอาเป็นธุระแต่อย่างใด ใครมาชวนเปลี่ยน ผมก็ได้แต่ยิ้มและเฉยๆ เสีย เพราะไม่ได้มี “ผัสสะ” ที่สะเทือนอารมณ์อย่างที่เธอมีให้กับผม
...
เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ยากมากๆ หาเหตุผลมาชี้แจงไม่ได้ว่าเรื่องที่เชื่อนั้นจริงหรือไม่ พอๆ กับที่ก็หาเหตุผลได้ไม่เต็มร้อยว่า ทำไมเรื่องที่คนอื่นเชื่อแต่เราไม่เชื่อ จึงเป็นเรื่องไม่จริง และทุกวันนี้ คนเราทะเลาะกันแบบจะเป็นจะตายก็ด้วยเรื่อง “ความเชื่อ” นั่นแหละครับ
สำหรับผมแล้ว ความเชื่อที่ไม่ตรงกันเป็นของธรรมดาโลก ดังนั้น “ความเชื่อ” จึงไม่ใช่ต้นเหตุแห่งปัญหา แต่ "วิธีปฏิบัติต่อคนที่มีความเชื่อไม่เหมือนกับเรา” ต่างหาก ที่เป็นปัญหา
...
ตอนหนึ่งของการสนทนา เธอเล่าว่า เธอไม่ได้เชื่อในพุทธศาสนาสายอภิญญาญาณ แต่เธอก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็น “ปัจจัตตัง” คือใครทำใครได้ ใครปฏิบัติใครรู้ ซึ่งผมเองก็เชื่อตามที่เธอว่าเช่นกัน
แต่ไม่ว่า “อภิญญาญาณ” จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ, ที่สำคัญก็คือ ผมรู้และมั่นใจว่า “ความรักและเป็นห่วงเพื่อน” ที่เธอและสามีมีให้กับผมนั้น เป็น “ของจริง”
และนั่นแหละครับ คือที่มาของเหตุผลที่ว่า ทำไมผมยอมเปลี่ยนเบอร์ฯ...ก็เพื่อให้เธอและสามีรับรู้ว่า ความรู้สึกที่เพื่อนทั้ง 2 คนมีให้ผมนั้น ผมสัมผัสและรับรู้ได้มากเพียงใด...
Comments
Post a Comment