Skip to main content

Post#2-79: ความสำคัญของเวลา

Post#2-79:
ในยุคสมัยนี้ บางครั้งคำกล่าวที่ว่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" อาจจะเสื่อมความสำคัญไปมาก ดูอย่างองค์กรที่ยิ่งใหญ่หลายๆ แห่งที่ปิดตำนานความยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง

ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่ของวงการธุรกิจท่านหนึ่งสั่งสอนไว้ว่า ยุคนี้เป็นยุค "ปลาเร็วกินปลาช้า"

เมื่อพิจารณาตามท่านดีๆ ก็เห็นจริงตามที่ท่านว่า คือใครตอบสนองความต้องการของตลาดได้เร็วกว่า ก็มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จได้

แปลว่า "เวลา" เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่เราไม่อาจมองข้ามหรือละเลยไปได้ กระนั้นแล้ว บางคนก็ปล่อยให้เวลาสูญหายไปอย่างไร้ความหมาย หายใจทิ้งไปพร้อมๆ กับการมองเข็มนาฬิกาขยับ

ส่วนการใช้เวลาในการทำให้ตัวเองมีความสุขนั่นไม่นับอยู่ในข่ายนี้นะครับ (Post#2-9)

จำได้ว่าผมได้อ่านเรื่องข้างล่างนี้ครั้งแรกๆ เมื่อหลายปีก่อน เป็นเรื่องที่พูดถึงเรื่องความสำคัญของเวลา...และวันนี้มีน้องคนหนึ่งส่งมาให้อีกที ก็เลยอยากนำมาแชร์ครับ

...

ถ้าอยากรู้ว่า เวลา 1 ปี มีค่าเพียงใด ให้ถามนักเรียนที่ซ้ำชั้น หรือคนที่ตกงาน

ถ้าอยากรู้ว่า เวลา 1 เดือน มีค่าเพียงใด ให้ถามแม่ที่คลอดลูกก่อนกำหนด หรือแม่ที่รอจะคลอดลูก

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมง มีค่าเพียงใด ให้ถามคู่รักที่แต่งงานใหม่ที่ต้องรอเวลาจะพบกัน

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 นาที มีค่าเพียงใด ให้ถามคนที่พึ่งจะพลาดรถไฟ, รถประจำทาง หรือเครื่องบิน

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาที มีค่าเพียงใด ให้ถามคนที่พึ่งรอดชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

ถ้าอยากรู้ว่าเวลาเสี้ยววินาที มีค่าเพียงใด ให้ถามนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้เหรียญเงิน

เวลาไม่เคยรอคอยใครเลย เราจึงไม่ควรลืมที่จะสั่งสมบุญบารมีทุกครั้งที่มีโอกาส, ทั้งทาน ศีล และภาวนา ให้ติดตัวของเราไปให้มากที่สุด และควรใช้เวลาที่มีอยู่นี้ ให้คุ้มค่าที่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์

บุญใหญ่ที่สุดคือการภาวนาให้จิตใจสงบมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ซึ่งทุกคนทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

...

มาเริ่มใช้เวลาอย่างรู้ค่าของเวลากันนะครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...