Post#2-92:
ช่วงบ่ายวันนี้ ผมคุยกับลูกน้องแล้วก็ทำให้รู้ว่า บางครั้งเค้าแยกความแตกต่างระหว่าง "ประหยัด" และ "ตระหนี่" ไม่ออก
ผมเชื่อว่า ใครก็ตามที่เป็น "มนุษย์เงินเดือน" จะได้ยินเจ้านายก็ดี หรือฝ่ายบัญชีก็ดี พูดให้ฟังว่า ช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ จะต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย อยากให้ทุกคนช่วยกันประหยัด...แต่แปลกที่คนพูดกับคนฟังตีความไปคนละขั้วเลย
"ประหยัด" หมายความว่า อะไรที่งดใช้หรือใช้ให้น้อยลงได้ โดยส่งผลต่อ Productivity น้อยที่สุดหรือไม่ส่งผลกระทบเลย ก็ควรงด เรียกว่า กิจกรรมอะไรที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ทางตรงในระยะสั้น ก็ควรงด, ลด หรือชะลอไปก่อน
เช่น การลงทุนเพื่อยอดขายในอีก 3 ปีข้างหน้า, ถ้าช่วงนี้เศรษฐกิจมันตึงๆ เราก็เลื่อนการลงทุนไปก่อน ไว้ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ อะไรแบบนี้ เป็นต้น
ส่วน "ตระหนี่" ก็หมายความว่า ไปลด, งด, เลื่อน ในกิจกรรมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายหรือผลกำไรของบริษัทฯ ซึ่งโดยมากเป็นเพราะตีความคำว่า "ประหยัด" ไม่ถูกต้องนั่นเองครับ
หมายความว่า ถ้าเราตระหนี่ ก็จะทำให้ Productivity มีปัญหาในทันที ไม่มากก็น้อย เช่น อ๋อ นายให้ประหยัดเหรอ งั้นช่วงนี้หยุดผลิตสินค้าก็แล้วกัน จะได้ประหยัดค่าวัตถุดิบ (อืมมม แบบนี้ไม่รู้ว่าตั้งใจเอ๋อ หรือกวนประสาท)
ดังนั้น ก่อนการตั้งงบประมาณหรือใช้งบประมาณ ก็ควรพิจารณาให้แน่ชัดก่อน ว่างบประมาณที่ตั้งไว้น่ะ จริงๆ แล้วเป็นการใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดรายได้หรือผลกำไรหรือไม่ โดยมากเวลาตั้งงบฯ เรามักจะตั้งเผื่อๆ ไว้ก่อน ซึ่งนายเองก็รู้ แต่ก็มักจะปล่อยให้มีช่องว่าง (ที่เราเรียก buffer) ไว้บ้าง แล้วไปคุมที่ % ต่อยอดขายหรือผลกำไรอีกที
ต่อเมื่อยอดขายหรือผลกำไรไม่เป็นไปตามประมาณการณ์ ทางที่เร็วที่สุดก็คือการคุมค่าใช้จ่ายนี่เองล่ะครับ และงบฯ ที่ตั้งเผื่อๆ ไว้นี่แหละ ที่มักจะโดนตัดออกก่อนเพื่อน
ใครที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลงบฯ ของฝ่ายหรือแผนก จึงต้องแยกแยะและเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า อะไรเป็นงบฯ ที่ตัดได้และไม่ได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นการประหยัดในสิ่งที่ไม่ควรประหยัด แต่ไปใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่ควรต้องใช้จ่าย
การใช้จ่ายเพื่อก่อให้เกิดรายได้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าถ้าไม่ใช้เงินส่วนนี้ ก็จะไม่มีรายได้ ไม่ใช่พอรับคำสั่งมาให้ประหยัด ก็ตัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างไปหมด ซึ่งบางครั้งก่อให้เกิดผลเสียที่ยากจะแก้ไข
ที่สำคัญ การที่เราแยกแยะไม่เป็นว่า อะไรคือการใช้จ่ายที่จำเป็น อะไรไม่ใช่ ก็จะทำให้นายตีความเราผิดๆ ได้ โดยอาจจะมองว่า เราประชด (เพราะดันไปตัดงบฯ ที่ไม่ควรตัด) หรือไม่ก็มองว่า เราแยกแยะไม่เป็น (ภาษาบ้านๆ ก็คือ "ไม่ฉลาด" นั่นแหละครับ)
ยังไงก็ตาม ฉลาดในการประหยัด ก็ยังเป็นแค่ความฉลาดระดับ "การแก้ไข" นะครับ ส่วนถ้าเราฉลาดในการตั้งงบประมาณ จึงจะเป็นความเหนือชั้นของการวางแผน เพราะเป็นความฉลาดระดับ "การป้องกัน"
เหมือนที่เค้าว่า "กันไว้ดีกว่าแก้" ไงล่ะครับ ^^
Comments
Post a Comment