Post#2-111:
บ่ายนี้ ผมได้รับเชิญไปบรรยายให้กับองค์กรที่น่ารักแห่งหนึ่ง
จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบใช้คำว่าไปบรรยาย เพราะแนวทางที่ผมสื่อสารกับผู้ฟัง เป็นไปในลักษณะ "ชวนคุย" ซะล่ะมากกว่า
ที่ผมว่าเป็นการ "ชวนคุย" ก็เพราะผมเน้นการมีส่วนร่วมของคนฟัง และ mood & tone ในการคุยของผมจะผันแปรไปตามอารมณ์ของผู้ฟังเป็นสำคัญ
แน่นอนว่า เนื้อหาก็ยังเหมือนเดิม แต่ผมจะปรับหรือขยับวิธีการคุยไปเรื่อยๆ แบบไม่มีรูปแบบตายตัว ถ้ารู้สึกว่าบรรยากาศมันเนือยๆ ผมจะแวะไปที่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบ่อยหน่อย แต่ถ้าบรรยากาศเป็นใจ ผมก็จะอัดเนื้อหาด้วยวิธีการเล่าเรื่อง
ใครขอ presentation จากผม จึงมักไม่ค่อยได้อะไร เพราะที่อยู่ใน file มันเป็นแค่ bullet point ที่ต้องอาศัยการขยายความจึงจะเข้าใจ
เวลาผมไปฟังการสัมมนาหรือบรรยายที่ไหนก็ตาม ถ้าเจอวิทยากรที่สื่อสารทางเดียว คือพูดไปเรื่อยๆ นี่ผมจะเหนื่อยมาก เพราะรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียน และเมื่อสังเกตไปรอบๆ ก็พบว่าคนฟังจะเปลี่ยนสัญชาติจากไทยเป็น เลบา "นอน" กับอิสรา "เอน" ซะเป็นส่วนมาก
การสื่อสารที่ดีจึงควรเป็นแบบ 2 ทาง ได้สื่อสาร ได้แลกเปลี่ยน ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากผู้รับสาร และผมมักจะประเมินได้ทันทีว่า "การพูด" ครั้งนั้น ประสบความสำเร็จเพียงใด โดยไม่ต้องรอการประเมิน
เช่นกันกับการคุยกับลูกน้อง...
เวลาสั่งงาน เราจึงต้องควรสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากเค้าบ้าง ว่าจริงๆ เค้าเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร และแน่ชัดหรือไม่ว่าออกจากห้องไปแล้ว เค้าต้องทำอะไรต่อ
ไม่ใช่สั่งงานเสร็จก็ไล่ให้เค้าไปทำงาน หรือทำงานไปสั่งงานไป ซึ่งจากประสบการณ์ตรง แบบนี้งาน "เหลว" ซะเป็นส่วนมาก (Post#185)
เรา "สื่อ" เพื่อให้เค้าได้รับ "สาร" ครับ ^^
บ่ายนี้ ผมได้รับเชิญไปบรรยายให้กับองค์กรที่น่ารักแห่งหนึ่ง
จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบใช้คำว่าไปบรรยาย เพราะแนวทางที่ผมสื่อสารกับผู้ฟัง เป็นไปในลักษณะ "ชวนคุย" ซะล่ะมากกว่า
ที่ผมว่าเป็นการ "ชวนคุย" ก็เพราะผมเน้นการมีส่วนร่วมของคนฟัง และ mood & tone ในการคุยของผมจะผันแปรไปตามอารมณ์ของผู้ฟังเป็นสำคัญ
แน่นอนว่า เนื้อหาก็ยังเหมือนเดิม แต่ผมจะปรับหรือขยับวิธีการคุยไปเรื่อยๆ แบบไม่มีรูปแบบตายตัว ถ้ารู้สึกว่าบรรยากาศมันเนือยๆ ผมจะแวะไปที่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบ่อยหน่อย แต่ถ้าบรรยากาศเป็นใจ ผมก็จะอัดเนื้อหาด้วยวิธีการเล่าเรื่อง
ใครขอ presentation จากผม จึงมักไม่ค่อยได้อะไร เพราะที่อยู่ใน file มันเป็นแค่ bullet point ที่ต้องอาศัยการขยายความจึงจะเข้าใจ
เวลาผมไปฟังการสัมมนาหรือบรรยายที่ไหนก็ตาม ถ้าเจอวิทยากรที่สื่อสารทางเดียว คือพูดไปเรื่อยๆ นี่ผมจะเหนื่อยมาก เพราะรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียน และเมื่อสังเกตไปรอบๆ ก็พบว่าคนฟังจะเปลี่ยนสัญชาติจากไทยเป็น เลบา "นอน" กับอิสรา "เอน" ซะเป็นส่วนมาก
การสื่อสารที่ดีจึงควรเป็นแบบ 2 ทาง ได้สื่อสาร ได้แลกเปลี่ยน ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากผู้รับสาร และผมมักจะประเมินได้ทันทีว่า "การพูด" ครั้งนั้น ประสบความสำเร็จเพียงใด โดยไม่ต้องรอการประเมิน
เช่นกันกับการคุยกับลูกน้อง...
เวลาสั่งงาน เราจึงต้องควรสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากเค้าบ้าง ว่าจริงๆ เค้าเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร และแน่ชัดหรือไม่ว่าออกจากห้องไปแล้ว เค้าต้องทำอะไรต่อ
ไม่ใช่สั่งงานเสร็จก็ไล่ให้เค้าไปทำงาน หรือทำงานไปสั่งงานไป ซึ่งจากประสบการณ์ตรง แบบนี้งาน "เหลว" ซะเป็นส่วนมาก (Post#185)
เรา "สื่อ" เพื่อให้เค้าได้รับ "สาร" ครับ ^^
Comments
Post a Comment