Post#2-96:
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆ คนทำงานตามแต่ว่า dead line ไหนจะมาถึงก่อน
เรื่องแบบนี้ฟันธงยาก ว่าที่ต้องทำงานแบบนี้น่ะ เป็นเพราะว่างานเยอะมากจริงๆ หรือว่าหมักงานไว้ รอจนใกล้ๆ dead line แล้วค่อยทำ
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณภาพของงานมักไม่เป็นทึ่น่าพึงใจซักเท่าไหร่ ยกเว้นไปเจอระดับ "เทพ" จริงๆ ที่รอ build อารมณ์ แล้วส่งงานได้ทันตามกำหนดแบบไม่มีที่ติ
อารมณ์เดียวกับ อ่านหนังสือก่อนสอบวันเดียว แต่ได้คะแนนดีกว่าคนที่อ่านล่วงหน้ามาเป็นสัปดาห์ ว่าอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าใครถนัดแบบไหนก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ ตราบเท่าที่ส่งงานได้ทันเวลา ด้วยมาตรฐานในระดับที่ดีเยี่ยม
ส่วนตัวผมเองแล้ว เวลาต้องมาปั่นงานเพื่อส่งเนี่ย งานที่ได้ก็มักจะไม่ perfect ต้องมีจุดบกพร่องนิดๆ หน่อยๆ หรือต้องมีจุดที่ผมมักจะโทษตัวเองเสมอ ว่างานน่าจะดีกว่านี้
ดังนั้น ก่อนจะรับงาน ก็ควรสรุปเรื่องความคาดหวังและกำหนดส่งงานให้ชัดเจนครับ ไม่งั้นเราเองจะกลายเป็นผู้เดือดร้อน ทั้งต้องมานั่งปั่น (หรือเผา) งาน ทั้งต้องตกเป็นจำเลยหากคุณภาพงานไม่ถึงขั้น
การจะเป็นมืออาชีพที่ดีนั้น พอใจกับงานแค่เท่าที่เป็นไม่ได้หรอกครับ ต้องส่งมอบงานที่ดีที่สุดแบบไม่มี "กั๊ก" ถึงจะถูก เพราะการส่งงานแบบมักง่าย หวังแค่ให้งานเสร็จๆ ไปโดยไม่สนใจเรื่องคุณภาพของงานน่ะ มีแต่มือสมัครเล่นเท่านั้นที่ทำกัน
...
เมื่อเราดูถูกคุณภาพของงานด้วยตัวของเราเอง ก็อย่าหวังให้เจ้านายหรือลูกค้าให้ราคากับสิ่งที่เราส่งมอบ
เมื่อเราส่งมอบงานที่ไร้ซึ่งคุณภาพ ก็อย่าคาดหวังในเรื่องความก้าวหน้าในงานหรือค่าตอบแทนที่ดี
ถ้าไม่รู้จักเป็น "ผู้ให้" ที่ดี ก็ไม่ควรจะคาดหวังว่าจะเป็น "ผู้รับ" ที่มีค่า
...
เคยได้ยินที่เค้าว่า "Garbage in, garbage out" มั๊ยครับ?
ให้ "ขยะ" กับคนอื่น ทำไมถึงจะหวัง "ทองคำ" เป็นสิ่งตอบแทน?
Comments
Post a Comment