Post#2-100:
แน่นอนว่าปลายปีใกล้เข้ามา ก็เป็นช่วงเวลาที่การประเมินผลงานต่างๆ จะเริ่มต้นขึ้น
แต่ไม่ว่าองค์กรที่เราๆ ท่านๆ ทำงานกันอยู่ จะมีการประเมินหรือไม่ก็ตาม ผมก็ต้องเชิญชวนให้เราประเมินตัวเอง
ทบทวนซักนิดว่า งานที่สำเร็จหรือล้มเหลวน่ะ มีอะไรเป็นปัจจัยที่ข้องเกี่ยวบ้าง ที่เราทำดีอยู่แล้วก็จะได้ทำต่อไป ที่ยังไม่ดีนักเราจะได้ปรับปรุงแก้ไขได้
บ่อยครั้งที่ผมทบทวนตัวเองและพบว่า งานที่ล้มเหลวหรือผิดพลาดทั้งหลาย ไม่ได้เกิดจากแผนงานที่ไม่ดีพอ หรือไม่ได้เกิดจากมีทรัพยากรไม่เพียงพอแต่อย่างใด
แต่เกิดจาก เรามี "ความตั้งมั่นที่จะให้งานสำเร็จ" ไม่เพียงพอต่างหาก เรียกว่า บางครั้งเราอาจจะยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ ง่ายเกินไปนั่นเอง
ลองทบทวนดูเถอะครับ ที่เราเลิกทำงานอะไรบางอย่างกลางคันน่ะ บ่อยครั้งไม่ใช่เพราะเราทำงานนั้นผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ แต่เกิดจากใจเราเองนั่นแหละที่บอกตัวเราเองว่า "ไม่ไหวแล้ว" หรือ "ยอมแพ้แล้ว"
คงเหมือนกับที่ Bruce Lee เคยว่าไว้...
"There is no such thing as defeat, until you admit so yourself, but not until then." แปลว่า "มันไม่มีอะไรที่เรียกว่าความพ่ายแพ้อยู่จริงๆ หรอก, จนกว่าคุณจะยอมรับมันด้วยตัวเอง, แต่จะไม่ก่อนนั้นแน่ๆ"
อย่าไปแปลความผิดๆ ว่าเป็นพวก "ขี้แพ้ชวนตี" นะครับ นั่นมันพวกแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ต่างหาก
ส่วนตัวผมเชื่อว่า ความสำเร็จหรือล้มเหลวของงาน ไม่ได้อยู่ที่ว่า เรามีความรู้หรือความพร้อมมากแค่ไหน แต่อยู่ที่เรามีความตั้งใจมั่นที่จะทำให้งานสำเร็จมากเพียงใดมากกว่า
คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา จบ ป.4 ก็ทำมาหาเลี้ยงชีพประสบความสำเร็จให้เราได้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วนับไม่ถ้วน
เราจะไม่แพ้...ถ้าเราไม่ยอมแพ้ครับ สู้ๆ
แน่นอนว่าปลายปีใกล้เข้ามา ก็เป็นช่วงเวลาที่การประเมินผลงานต่างๆ จะเริ่มต้นขึ้น
แต่ไม่ว่าองค์กรที่เราๆ ท่านๆ ทำงานกันอยู่ จะมีการประเมินหรือไม่ก็ตาม ผมก็ต้องเชิญชวนให้เราประเมินตัวเอง
ทบทวนซักนิดว่า งานที่สำเร็จหรือล้มเหลวน่ะ มีอะไรเป็นปัจจัยที่ข้องเกี่ยวบ้าง ที่เราทำดีอยู่แล้วก็จะได้ทำต่อไป ที่ยังไม่ดีนักเราจะได้ปรับปรุงแก้ไขได้
บ่อยครั้งที่ผมทบทวนตัวเองและพบว่า งานที่ล้มเหลวหรือผิดพลาดทั้งหลาย ไม่ได้เกิดจากแผนงานที่ไม่ดีพอ หรือไม่ได้เกิดจากมีทรัพยากรไม่เพียงพอแต่อย่างใด
แต่เกิดจาก เรามี "ความตั้งมั่นที่จะให้งานสำเร็จ" ไม่เพียงพอต่างหาก เรียกว่า บางครั้งเราอาจจะยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ ง่ายเกินไปนั่นเอง
ลองทบทวนดูเถอะครับ ที่เราเลิกทำงานอะไรบางอย่างกลางคันน่ะ บ่อยครั้งไม่ใช่เพราะเราทำงานนั้นผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ แต่เกิดจากใจเราเองนั่นแหละที่บอกตัวเราเองว่า "ไม่ไหวแล้ว" หรือ "ยอมแพ้แล้ว"
คงเหมือนกับที่ Bruce Lee เคยว่าไว้...
"There is no such thing as defeat, until you admit so yourself, but not until then." แปลว่า "มันไม่มีอะไรที่เรียกว่าความพ่ายแพ้อยู่จริงๆ หรอก, จนกว่าคุณจะยอมรับมันด้วยตัวเอง, แต่จะไม่ก่อนนั้นแน่ๆ"
อย่าไปแปลความผิดๆ ว่าเป็นพวก "ขี้แพ้ชวนตี" นะครับ นั่นมันพวกแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ต่างหาก
ส่วนตัวผมเชื่อว่า ความสำเร็จหรือล้มเหลวของงาน ไม่ได้อยู่ที่ว่า เรามีความรู้หรือความพร้อมมากแค่ไหน แต่อยู่ที่เรามีความตั้งใจมั่นที่จะทำให้งานสำเร็จมากเพียงใดมากกว่า
คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา จบ ป.4 ก็ทำมาหาเลี้ยงชีพประสบความสำเร็จให้เราได้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วนับไม่ถ้วน
เราจะไม่แพ้...ถ้าเราไม่ยอมแพ้ครับ สู้ๆ
Comments
Post a Comment