Post#2-103:
คำโบราณว่าเอาไว้ "เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น" ซึ่งใครจะเห็นด้วยรึเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวผมคิดว่า เราอุปาทานไปเองมากกว่า
เหมือนๆ กับที่เราชอบรถสีอะไร เวลามองไปบนถนน เราก็เลยรู้สึกว่ามีรถสีนั้นมากเป็นพิเศษ ทั้งที่จริงๆ แล้วรถสีอื่นๆ ก็มีไม่น้อย
ปรากฏการณ์แบบนี้ ผมคิดว่า เข้าข่ายเป็น Selective Attention กลายๆ คือเลือกที่จะมองหาเฉพาะสิ่งที่เราสนใจ ส่วนอะไรที่ไม่อยู่ในข่ายที่ว่า เรามักมองข้ามไปซะอย่างนั้น
...
เวลาผมออกสำรวจตลาด เวลามองหา Brand ของตัวเอง ก็มักจะมองข้าม Brand อื่นๆ ไปซะหมด เพราะใจเรากำหนดโฟกัสไว้แล้ว ว่ากำลังมองหาอะไรอยู่
บางครั้งทำให้เสียประสิทธิภาพในการมองภาพใหญ่และปัจจัยรายล้อมไปโดยปริยาย ซึ่งอาจทำให้มองข้ามข้อมูลดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
เกลียดอะไร ใจก็ไปจับอยู่กับมัน แล้วก็เลยเผลออุปาทานไปว่า "นั่นไง เกลียดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ" ทั้งที่สิ่งที่เราเกลียดหรือชอบน่ะ เกิดขึ้นบ่อยพอๆ กันนั่นแหละ
...
ลองคัดแยกรถที่ขับผ่านหน้าเราไปซักพัก ก็จะเริ่มรู้สึกว่า นอกจากรถสีที่เราชอบแล้ว รถสีอื่นก็สวยดีนะ เช่นเดียวกับ ลองฟังเรื่องที่คนอื่นเค้าเล่าให้จบ แล้วค่อยตัดสินก็ได้ เพราะบางทีเค้ายังเล่าไปจบเลย เราสรุปให้ซะแล้ว
อ่านเผินๆ เข้าใจลางๆ อาจจะเข้าใจว่า Selective Attention เหมือนกับ Focus หรือ "สมาธิ" แต่ไม่ใช่ เพราะสมาธิเกิดเมื่อเลือกจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วจดจ่ออยู่กับมัน แต่สำหรับผมแล้ว Selective Attention น่าจะเทียบเคียงได้คล้ายกับ "อคติ" ซะล่ะมากกว่า
ถ้ายังเชื่อแบบเดิมๆ เราก็จะยังคิดแบบเดิมๆ พูดแบบเดิมๆ และทำแบบเดิมๆ สุดท้ายแล้วชีวิตเราก็จะเป็นแบบเดิมๆ อยู่นั่นเอง
หวังผลลัพธ์ใหม่ๆ น่ะ แค่เริ่มต้นจากความเชื่อที่ต่างจากเดิมนะครับ
คำโบราณว่าเอาไว้ "เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น" ซึ่งใครจะเห็นด้วยรึเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวผมคิดว่า เราอุปาทานไปเองมากกว่า
เหมือนๆ กับที่เราชอบรถสีอะไร เวลามองไปบนถนน เราก็เลยรู้สึกว่ามีรถสีนั้นมากเป็นพิเศษ ทั้งที่จริงๆ แล้วรถสีอื่นๆ ก็มีไม่น้อย
ปรากฏการณ์แบบนี้ ผมคิดว่า เข้าข่ายเป็น Selective Attention กลายๆ คือเลือกที่จะมองหาเฉพาะสิ่งที่เราสนใจ ส่วนอะไรที่ไม่อยู่ในข่ายที่ว่า เรามักมองข้ามไปซะอย่างนั้น
...
เวลาผมออกสำรวจตลาด เวลามองหา Brand ของตัวเอง ก็มักจะมองข้าม Brand อื่นๆ ไปซะหมด เพราะใจเรากำหนดโฟกัสไว้แล้ว ว่ากำลังมองหาอะไรอยู่
บางครั้งทำให้เสียประสิทธิภาพในการมองภาพใหญ่และปัจจัยรายล้อมไปโดยปริยาย ซึ่งอาจทำให้มองข้ามข้อมูลดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
เกลียดอะไร ใจก็ไปจับอยู่กับมัน แล้วก็เลยเผลออุปาทานไปว่า "นั่นไง เกลียดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ" ทั้งที่สิ่งที่เราเกลียดหรือชอบน่ะ เกิดขึ้นบ่อยพอๆ กันนั่นแหละ
...
ลองคัดแยกรถที่ขับผ่านหน้าเราไปซักพัก ก็จะเริ่มรู้สึกว่า นอกจากรถสีที่เราชอบแล้ว รถสีอื่นก็สวยดีนะ เช่นเดียวกับ ลองฟังเรื่องที่คนอื่นเค้าเล่าให้จบ แล้วค่อยตัดสินก็ได้ เพราะบางทีเค้ายังเล่าไปจบเลย เราสรุปให้ซะแล้ว
อ่านเผินๆ เข้าใจลางๆ อาจจะเข้าใจว่า Selective Attention เหมือนกับ Focus หรือ "สมาธิ" แต่ไม่ใช่ เพราะสมาธิเกิดเมื่อเลือกจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วจดจ่ออยู่กับมัน แต่สำหรับผมแล้ว Selective Attention น่าจะเทียบเคียงได้คล้ายกับ "อคติ" ซะล่ะมากกว่า
ถ้ายังเชื่อแบบเดิมๆ เราก็จะยังคิดแบบเดิมๆ พูดแบบเดิมๆ และทำแบบเดิมๆ สุดท้ายแล้วชีวิตเราก็จะเป็นแบบเดิมๆ อยู่นั่นเอง
หวังผลลัพธ์ใหม่ๆ น่ะ แค่เริ่มต้นจากความเชื่อที่ต่างจากเดิมนะครับ
Comments
Post a Comment