Skip to main content

Post#2-114: ปีหน้าปีแพะ...แต่ไหงกลับมีหมอดูปากปีจอ?

Post#2-114:
เมื่อวานผมชวนคุยเรื่องคำทำนายทายทักไปยังไม่ทันขาดคำ ปรากฏว่าวันนี้มีแต่เรื่องคำทำนายของหมอดูเต็มพื้นที่ Social Networks ทั้งหลาย

ก็อย่างที่คุยไว้เมื่อวานล่ะครับ ฟังหูไว้หูไว้ก่อนเป็นดี พยายามคิดตามไปด้วย ว่าคำทำนายต่างๆ วางรากฐานอยู่บนความเป็นจริงมากหรือน้อยเพียงใด

เมื่อคิด วิเคราะห์ และแยกแยะดีแล้ว จึงค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่ และชั่งใจให้มากๆ หน่อย ก่อนที่จะแชร์ต่อ เพราะสมัยนี้ พวกสร้างกระแสเพื่อให้ตัวเองดังแบบชั่วข้ามคืนน่ะมีเยอะจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น สื่อมวลชนไร้สมองบางสื่อก็มักจะหยิบยกประเด็นร้อนๆ ทั้งหลายมาขยายความ ดังเราจะเห็นว่า บางครั้งก็ทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง กลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้

ดังนั้น ขอให้เราบริโภคข่าวอย่างมีสติ แชร์อย่างมีกาลเทศะ และคอมเม้นท์อย่างสร้างสรรค์ อย่าตกเป็นเครื่องมือหรือเหยื่อของพวกที่จงใจหากินกับความเชื่อและความไม่รู้ของผู้คนนะครับ

ส่วนตัวผมไม่ได้แอนตี้อาชีพหมอดูเลย ใครชวนไปดูหมอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่เคยขัด เรื่องดีผมก็ฟังเพลินๆ เรื่องไม่ดีผมก็ฟังเพื่อเจริญสติ

หมอดูบางท่านก็ออกมาทำนายทายทักอย่างสร้างสรรค์ อยู่บนรากฐานของความพอเหมาะพอดี แต่ก็มีอีกมาก ที่ออกมาทำนายแบบ "ต่ำช้า" เป็นไปในทางทำลายและปั่นกระแสความวุ่นวายและเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม

ลองกลับมาทบทวนดูให้ดีเถอะครับ ที่บอกว่าหมอดูป่วนเมืองเหล่านี้ทำนายแม่นน่ะ มีซักกี่เรื่องกัน? 

เท่าที่ผมสังเกต พวกนี้มักจะทำนายเรื่อยเปื่อยเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง พอถูกซักเรื่องหรือครึ่งเรื่อง ก็ออกมาอ้างผลงานยกใหญ่ ส่วนเรื่องที่ทายผิดไม่เคยออกมาพูดเลยซักครั้ง

พอฟลุ๊คทายถูกก็บอกว่า กรูทายแม่น แต่พอทายผิดก็จะอ้างว่า วิเคราะห์ตามตำรา...แต่ที่แปลกก็คือ ยังมีคนอีกมากที่ไม่ทันเหลี่ยมพวกป่วนสังคมพวกนี้

หมดปีทีก็ออกมาสร้างกระแสที เรียกว่าหากินด้วยการตลบตะแลงหลอกผู้คนให้กังวลและหวาดกลัวโดยแท้...บาปกรรมจริงๆ

ก่อนทำนายทายทักดวงเมือง...ผมแนะนำว่า ควรดูดวงปากตัวเองก่อนดีมั๊ย? ระวังจะไปกระทบเท้าใครเข้านะครับ...

ใครเจอพวกนี้ ผมฝากไล่ไปให้ไกลๆ เลย นะครับ ไปพร้อมๆ กับวันสิ้นปีเลยยิ่งดี ชู่วๆ -"-

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...