Post#2-115:
และแล้ววันสุดท้ายของปีก็มาถึง...
หลายคนเลือกที่จะใช้วันนี้ทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งปี เรียนรู้จากความผิดพลาด อิ่มเอมกับความสำเร็จ รวมไปถึงตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ที่จะเริ่มขึ้นในวันรุ่งพรุ่งนี้
ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเริ่มอะไรใหม่ๆ ก็คงต้องปรับจิตปรุงใจให้อยู่ในสภาวะที่เป็นปกติที่สุดก่อน ซึ่งผมมักเลือกใช้ช่วงเวลาหลังจากการสวดมนต์ข้ามปี ในการละวางจากมิจฉาอารมณ์ทั้งหลาย และอาบปิติจากสัมมาอารมณ์
หนึ่งในมิจฉาอารมณ์ที่ละวางได้ยาก ก็คือ ความโกรธาอาฆาต ซึ่งมักซ่อนลึกอยู่ในจิตใจของเรา เรียกว่านึกถึงทีไร ก็เหมือนมีไฟมาเผาเราจากข้างในทุกที
เกี่ยวกับเรื่องความอาฆาตนี้ ผมเคยแชร์ไว้ว่า
หนึ่ง...เราควรให้อภัยแต่ไม่ลืม (Post#23) หมายความว่า เราควรระวังหากต้องทำอะไรที่ไปเกี่ยวข้องกับคนที่สร้างความเจ็บช้ำให้เรา จะได้ไม่พลาดแบบเดิม แต่ไม่ใช่ให้อาฆาต เพราะความอาฆาตนั้นคือ การไม่ลืมและต้องการเอาคืนด้วย
สอง...และผมก็เคยแชร์เอาไว้ว่า แม้การให้อภัยจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เปลี่ยนอนาคตได้ (Post#210) แปลว่า แม้การอภัยให้ใคร จะไม่ทำให้เราเรียกคืนสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่ทำให้ใจเราเบา นำไปสู่อนาคตที่ดีสำหรับตัวเราเองได้
...
คืนนี้ใครที่ไม่ได้มีโปรแกรมไป count down ที่ไหน ผมก็ขอเชิญชวนให้มาร่วมสวดมนต์ข้ามปีกันนะครับ ไม่ต้องไปวุ่นวายหาที่หรอกครับ ในห้องพระ, หน้าหิ้งพระ, บนที่นอน, ฯลฯ ก็ได้ทุกที่ครับ ขอเพียงอย่าเป็นที่อโคจรเป็นใช้ได้
การสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่สวดที่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่า สวดมนต์ด้วยสภาวะจิตแบบใดมากกว่า
...
ก่อนจบโพสต์สุดท้ายของปีนี้ ผมขอน้อมนำคำสอนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า มาเป็นแนวทางให้เราละความโกรธาอาฆาตได้ง่ายขึ้นครับ
ท่านทรงตรัสสั่งสอนไว้ สรุปความได้ว่า...เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร และความโกรธาอาฆาตนั้น ก็เปรียบได้กับ การที่เราดื่มยาพิษเข้าไป แต่คาดหวังว่าคนที่เราโกรธาอาฆาตจะตายเพราะยาพิษนั้น
ฝรั่งเองก็นำคำสอนแห่งพุทธองค์ไปใช้ครับ
"Holding onto anger is like drinking poison and expecting the other person to die."
สุขสันต์วันแรกของวันหยุดยาวครับ...(^o^)v
Comments
Post a Comment