Skip to main content

Post#2-247: สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าภายนอก...เริ่มจากการดูแลลูกค้าภายใน

Post#2-247:
บ่ายวันนี้ผมมีนัดไปประชุมกับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง โดยมีเป้าหมายในการสรุปแผนปี 2015 ที่ค้างกันมาเนิ่นนานให้ได้เสียที

แม้ว่าจะเป็นธรรมดาของการทำงานที่จะต้องมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากแต่ก็จำต้องพิจารณาด้วยว่า ข้อผิดพลาดนั้น ส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดกับลูกค้า

เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผมมาพบลูกค้ารายนี้ ผมจึงเป็นฝ่ายรับฟังปัญหาที่ผ่านมา ก่อนที่จะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่มึการประชุมล่วงหน้ามาแล้วกับทีมงาน

ผมเรียนลูกค้าไปว่า ผมไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ ได้แต่ขอโอกาสให้เรามีอนาคตข้างหน้ากับลูกค้า ด้วยแผนงานที่เรานำเสนอ

แม้ว่าวันนี้ผมจะยังไม่สามารถปิดดีลได้ 100% หากแต่ผมก็ยังสามารถแสดงเจตนารมณ์และจุดยืนของบริษัทในเรื่องทิศทางและหนทางในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า

แต่จะทำอย่างไรล่ะ จึงจะลดปัญหาให้กับลูกค้าให้เหลือน้อยที่สุดได้?

...

ความจริงแล้ว ในเรื่องของกระบวนการทำงานระหว่างเราและลูกค้านั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าในแต่ละขั้นตอนนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยที่จะต้องใส่ใจให้มาก และที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องมีวินัยในการทำงานตามทิศทางและขั้นตอนที่กำหนดให้จงได้

เท่าที่ผมสรุปกับทีมงาน โดยมากแล้วปัญหาก็คือเรื่อง Cross-functional Workflow ซึ่งก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ผมนำมาแชร์ไว้หลายต่อหลายครั้ง (Post#18 และ Post#2-96)

หากเรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำแต่งานของตัวเอง แบบถูกไม่รู้ผิดไม่สน หรือทันก็ดีไม่ทันก็ช่าง ก็รับรองได้ว่า งานของทีมอื่นย่อมต้องถูกกระทบ (เพราะลักษณะของงานขององค์กรส่วนใหญ่มักจะเป็นรูปแบบ Assembly หมายความว่าขั้นตอนใดสะดุด ขั้นตอนที่เหลือก็มีอันจะต้องสะดุดตามไปด้วยทั้งหมดเช่นกัน)

...

องค์กรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งที่ผมเคยทำงานอยู่ด้วย ได้อบรมบ่มเพาะความรู้และแนวทางในการปฏิบัติงานให้แก่ผมไว้หลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่องค์กรแห่งนั้นมุ่งเน้น ก็คือ เรื่อง "หน่วยงานถัดไปคือลูกค้าของเรา"

ถ้าเราคิดได้ว่า ทีมที่ทำงานถัดจากเราคือลูกค้า เราก็จะต้องส่งงานที่ดี มีคุณภาพ และตรงต่อเวลาให้กับเค้า เค้าจึงจะมีวัตถุดิบที่ดีในการผลิดงานส่งให้กับหน่วยงานถัดไป

หากทุกทีมปฏิบัติได้ตามนี้ ก็จะกลายเป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นลูกค้า และจะสามารถทำให้องค์กรส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีให้กับลูกค้าภายนอกได้ต่อไป

หากแต่ถ้าทำงานแบบขอไปที ส่งงานขยะไปให้ทีมที่ต่อจากเรา...แล้วไฉนเลยทีมนั้นจะสามารถส่งงานที่ดีให้กับทีมอื่นๆ ที่อยู่ในกระบวนการถัดไปได้

Garbage in จึงกลายเป็น Garbage out ซึ่งเป็นตรรกะที่ไม่ต้องแปล...จริงมั๊ยครับ?

...

พวกเราทุกคนล้วนต้องเคยเป็นลูกค้าของสินค้าและบริการอะไรซักอย่างแน่ๆ ดังนั้น ขอให้ใช้ความรู้สึกและความคาดหวังของลูกค้าเป็นเป้าหมายในการทำงานเถิดครับ

หากเราในฐานะลูกค้า ต้องการสินค้าและบริการที่ดีที่สุดฉันใด ลูกค้าทั้งภายนอกและภายในก็คาดหวังงานที่ดีที่สุดจากเราฉันนั้น

การส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าผู้มีพระคุณ จึงมีจุดเริ่มต้นจากวิธีคิดของทีมงานนั่นเองครับ...ดังนั้นหากมุ่งหวังที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าภายนอก...จึงต้องเริ่มจากการดูแลลูกค้าภายในก่อนนะครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...