Post#2-261:
ปัญหาที่คนเป็นนายทุกคนไม่มีทางหนีพ้น ก็คือเรื่องลูกน้องทะเลาะกัน หรือไม่ก็เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างหน่วยงาน
ถ้าจะให้นั่งนึกจริงๆ แล้วล่ะก็ วันที่ไม่ได้ยินเรื่องระหองระแหงกันนี้ ก็เห็นจะเป็นเพียงวันที่ไม่ได้เข้า office เท่านั้นเอง แต่ก็อาจจะมีบ้างจากการเพ็ดทูลผ่านช่องทางอื่นๆ
ที่ผมพล่ามมาซะยืดยาว ไม่ได้เป็นเพราะผมเบื่อหรือไม่พอใจนะครับ เพียงแต่จะมาแชร์ว่า ปัญหาแบบนี้กลายเป็นเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจและเวลาในแต่ละวันไปไม่น้อยเลย
ถามว่า บั่นทอนกำลังใจยังไง? ผมก็ตอบแบบตรงๆ แบบกำปั้นทุบดินเลยว่า ไม่มีนายคนไหนหรอกครับ ที่อยากเห็นหรือชอบให้ลูกน้องทะเลาะกัน
เมื่อมีเรื่องไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น ก็ไม่พ้นที่นายๆ ทั้งหลายจะต้องเป็นผู้ว่าความ ซึ่งใครถูกใครผิดนั้นเป็นอีกเรื่อง ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน...แต่ที่แน่ๆ จะมีก็แต่ฝ่ายพ่ายแพ้ ไม่มีฝ่ายที่ชนะ เสมือนสงครามที่ต้องจบลงด้วยความสูญเสียจากทั้งสองฝ่าย ต่างกันแค่จะมากหรือน้อยเท่านั้น
นี่ยังไม่นับเวลาที่ต้องเสียไปจากการต้องมานั่ง clear ปัญหากัน แทนที่จะเอาเวลาไปคุยเรื่องการสร้างอนาคตให้กับองค์กร
...
การทะเลาะกันของน้องๆ หรือแม้กระทั่ง Front Line Manager มักเป็นการปะทะกันเพื่อหาว่า "ใครผิด" โดยไม่สนใจเรื่องอื่นๆ...อารมณ์ประมาณว่า แก้ปัญหาเหรอ ไว้ทีหลังละกัน ขอเถียงกันให้พังกันไปข้างก่อน
ดังนั้น ถ้าใครมัวแต่คิดจะเอาชนะเพื่อตัวเอง โดยไม่แคร์ถึงผลกระทบต่อองค์กร ผมก็เสียใจที่จะต้องฟันธงว่า เค้าคนนั้นก็ยังไม่อาจขึ้นชั้นเป็นผู้บริหารได้โดยเด็ดขาด
ผู้บริหารที่เราหวังพึ่งพาให้นำองค์กรไปข้างหน้าได้ นอกจากจะต้องมี IQ สูงแล้ว ยิ่งจะต้องมี EQ ที่สูงยิ่งกว่า...แต่น่าเสียดายที่ IQ ฝึกได้ง่ายกว่า EQ เราจึงมักพบว่าผู้บริหารเป็น "หัวหน้างาน" มากกว่าเป็น "ผู้นำ"
ถ้าอยากเป็นเพียงผู้บริหารทั่วไป ไม่แปลกที่บ่อยครั้งจะคิดเอาชนะเพื่อพ่ายแพ้...แต่ผู้บริหารอีกระดับหนึ่งนั้น บ่อยครั้งที่ยอมพ่ายแพ้เพื่อนำไปสู่ชัยชนะครับ
และผมยืนยันว่า เราเลือกได้ว่าจะเป็นผู้ชนะบนความสูญเสียขององค์กร หรือเป็นผู้เห็นแก่ชัยชนะขององค์กรก่อนที่จะมาเอาชนะคะคานกัน...
Comments
Post a Comment