Skip to main content

Post#2-244: เจ้าของกิจการ

Post#2-244:
คืนวานนี้ ผมมีอันต้องไปส่งญาติที่สนามบิน

หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าเครื่องจะออก เราก็เลยมีเวลานั้งคุยกันฆ่าเวลากันนานพอสมควร

ตอนหนึ่งของการสนทนา ญาติผมถามว่า "เป็นมือปืนรับจ้างให้คนอื่นมาเยอะ คิดจะทำอะไรเป็นของตัวเองบ้างมั๊ย?"

ผมได้แต่ยิ้มแล้วก็ตอบว่า "ยังไม่คิดครับ" ^^

...

ฟังดูแล้วเหมือนผมเป็นคนหลักลอย ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่ทำไมผมยังลั้ลลาเป็น "มือปืนรับจ้าง" อยู่อย่างนี้?

ในความเป็นจริงแล้ว ผมว่าคนส่วนใหญ่ต้องมีความฝันที่อยากจะมีกิจการอะไรซักอย่างเป็นของตัวเอง น้อยคนนักที่อยากจะหยุดอยู่แค่การเป็น "ลูกจ้าง" เพียงเท่านั้น

ผมเองก็อยู่ในคนพวกแรกครับ หากแต่ผมมีความเชื่ออยู่ลึกๆ เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการ (ซึ่งอาจจะผิด) อยู่ว่า...

"การดิ้นรนที่จะเป็น" ต่างจาก "การถูกชักจูงให้เป็น"

หลายท่านอาจจะยังงงๆ ว่าผมอยากจะสื่ออะไรกันแน่? แปลว่าอะไรหนอ "ดิ้นรน" กับ "ชักจูง"

ว่าแล้วก็ลองหันไปคุยเรื่องอื่นให้เห็นภาพก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวแวะกลับมาอีกที

...

เคยดิ้นรนอยากมี "แฟน" กันบ้างมั๊ยครับ? ^^

ไม่รู้หรอกว่ามีแฟนแล้วดียังไง แต่เห็นใครๆ เค้าก็มีแฟนกัน อย่ากระนั้นเลย เราก็หาแฟนบ้างดีกว่า เรียกว่าใครก็ได้ ขอให้เข้ามาในชีวิต เป็นอันว่าตกลงทั้งนั้น >_<"

ถามว่า สุดท้ายแล้ว ชีวิตคู่แบบนั้น จะพบฉากจบแบบไหนกันครับ? ไม่น่ายากที่จะเดา

เอาใหม่ แล้วเคยตกหลุมรักใครแบบจะเป็นจะตายบ้างมั๊ยครับ?

จำความพยายามที่จะได้เป็นแฟนกับคนที่เราตกหลุมรักได้มั๊ยเอ่ย?

แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ลงเอยกับคนที่เรารัก แต่ผมยืนยันได้ว่า มีเรื่องราวให้เรานึกถึง ทั้งสุข และทุกข์ ได้อย่างมากมาย เล่ากัน 3 วัน 3 คืน ก็ไม่จบ

การมีแฟนตามแฟชั่นจึงต่างจากการตามจีบใครสักคนมาเป็นแฟนอย่างสุดขั้ว แบบหนึ่งนั้นตื้นเขิน ส่วนอีกแบบล้วนมีเรื่องราวมากมายอยู่ในนั้น

...

แวะกลับไปเรื่องที่เราคุยค้างกันอยู่...

การดิ้นรนที่จะเป็นเจ้าของกิจการ จึงต่างจากการที่เราโดน passion ของตัวเราเอง ชักจูงให้เป็นเจ้าของกิจการ

ซึ่งผมยังตามหาเจ้า "passion" ตัวนั้นไม่เจอ ^^

ใครที่พบ passion ของตัวเองแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ...ส่วนผม ตอนนี้จึงได้แต่ตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งใน "มือปืนรับจ้าง" ที่ดีที่สุดให้ได้ก่อน!

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...