Skip to main content

Post#2-248: หยุดอยู่กับที่

Post#2-248: หย
บ่ายนี้ ผมนั่งประชุมทีมถึงแผนและแนวทางเกี่ยวกับสินค้าใหม่...

ว่ากันตามสภาพของธุรกิจแล้ว ความจริงที่แสนเจ็บปวดอย่างหนึ่งขององค์กรที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้น ก็คือเรื่อง Product Life Cycle

ในเมื่อสัจธรรมของชีวิตก็คือ ไม่มีสรรพสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป นับประสาอะไรกับสินค้า ซึ่งต้องผ่านช่วงเวลาของการเวียนว่ายตายเกิดเฉกเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์

จะมีสินค้าซักกี่อย่างในโลกนี้ ที่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เกิดมายังไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น อยู่ยั้งยืนยงข้ามวันเวลามานับสิบนับร้อยปี (และถ้าให้ผมยกตัวอย่างของสินค้าที่ว่า ผมเองยังนึกไม่ออก...นอกจาก "ไม้จิ้มฟัน") นอกนั้นล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามวงจรของมันทั้งสิ้น

...

ปัจจัยที่มากระทบกับ Product Life Cycle นั้นมีเยอะแยะมากมาย ซึ่งในทั้งหมดทั้งมวลนั้น ผมยกให้ Customer Needs กับ Competitor Action เป็น 2 สุดยอดปัจจัยที่ทำให้สินค้าของเราเกิดหรือดับได้มากกว่าปัจจัยอื่นๆ

เมื่อมนุษย์ไม่เคยหยุดและพอในเรื่องกิเลส ตราบนั้น ความต้องการของมนุษย์จึงหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาอย่างยากที่จะคาดเดาได้อย่างแม่นยำ

เพื่อตามความต้องการที่ผันเปลี่ยนให้ทัน เราเองจึงมิอาจอยู่เฉยได้ ต้องทำการปรับรูปแบบสินค้าให้ตอบสนองความต้องการนั้น และเมื่อเราปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สินค้า ไฉนเลยคู่แข่งของเราจะอยู่เฉยได้

เมื่อลูกค้าเปลี่ยน เราจึงต้องปรับ คู่แข่งจำต้องขยับ ส่งผลให้ลูกค้าเขยื้อน เมื่อนั้นเราจึงต้องเคลื่อนไหว และแน่นอนว่าส่งผลให้คู่แข่งต้องปรับเปลี่ยนอีกครา...กลายเป็นวงจรที่ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น

ดังนั้น Product Life Cycle หรือ "วงจรชีวิตของสินค้า" จึงมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และนับวันจะทวีความซับซ้อนและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทางที่สอดคล้องกับ Life Style ที่ผกผัน ฉาบฉวย และรีบเร่งของคนในยุคนี้

...

ทางรอดของแต่ละองค์กรจึงขึ้นอยู่กับว่า จะสามารถปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้มีความสดใหม่และฉีกหนีจากคู่แข่งไปได้มากน้อยเพียงใด

Innovation จึงเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรมิอาจละเลยและเพิกเฉยไปได้

การสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ เป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและทรัพยากรอื่นๆ ค่อนข้างมาก และเป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่ใช่วันนี้มีสินค้าใหม่แล้วพรุ่งนี้จะนอนกินบุญเก่าได้

กระบวนการของ Innovation จึงเป็น Rolling Process เป็นกระบวนการที่มีความสืบเนื่องไร้ที่สิ้นสุด...เพราะถ้าหยุดเมื่อไหร่ ก็หมายถึงองค์กรนั้นๆ ได้เริ่มต้นนับถอยหลังสู่ความเสื่อมถอยแล้ว อย่างช่วยไม่ได้

...

เคยได้ยินวาทะคลาสิคประมาณว่า "เพียงแค่คุณอยู่เฉยๆ ก็เท่ากับถอยหลังแล้ว" มั๊ยครับ?

ในเมื่อโลกยังคงหมุน ความต้องการของลูกค้ายังคงไม่หยุดนิ่ง คู่แข่งยังคงเคลื่อนไหว...

...แล้วเราฤาจะยังบังอาจหยุดอยู่กับทึ่ได้?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...