Post#2-237:
เช้านี้เพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่งของผมนัดมาปรึกษาปัญหาชีวิต...
ต้องออกตัวก่อนว่า จริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่ศิราณี และส่วนตัวเองก็มีปัญหาชีวิตของตัวเองมากมายที่ต้องแก้ไขอยู่แล้ว
แต่ผมก็ไม่ค่อยจะปฏิเสธ หากมีใครต้องการคำปรึกษา...
ว่ากันตามจริง ผมคิดว่า ส่วนสำคัญของคนที่มีปัญหานั้น จริงๆ แล้วเค้าแค่ต้องการคน "ฟัง" เค้ามากกว่า
หลายๆ ครั้งที่พอเพื่อนหรือน้องๆ เล่าปัญหาให้ผมฟัง แล้วจู่ๆ เค้าก็ได้คำตอบของชีวิตขึ้นมาเอง โดยที่ผมแค่ช่วยซักประเด็นที่มันวกไปเวียนมาให้เป็นระบบเท่านั้นเอง
ส่วนใหญ่เวลาเรามีปัญหาหลายๆ อย่างรุมเร้า เรามักจะเอาปัญหามารวมเป็นก้อนเดียว พอปัญหามันรวมเป็นก้อนใหญ่ เราก็เลยท้อกับมัน
ที่ถูกนั้น เราควรจะแยกปัญหาออกเป็นส่วนๆ จากนั้นก็เรียงลำดับความเร่งด่วนของปัญหา แล้วก็แก้ไขไปทีละส่วน (Post#2-58)
ไม่งั้นคิดให้ตายก็แก้ปัญหาไม่ได้ เหมือนภายเรือวนไปวนมาอยู่ในอ่าง คิดมากๆ เข้าก็เลยยิ่งเสื่อมถอยกำลังใจไปเรื่อยๆ
อย่างเพื่อนผมเอง มีปัญหาทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานเข้ามารุมเร้าพร้อมๆ กัน ซึ่งผมช่วยเค้าวางแผนแก้ปัญหาเรื่องงาน บวกกับให้กำลังใจเค้าในการประคับประคองชีวิตคู่
เวลาใครมาปรึกษาผมเรื่องงาน ก็ไม่มากไปกว่า การหาลูกค้า, ระบบงาน และปัญหาเรื่องคน ไม่ค่อยมีอะไรมากไปกว่านี้
แต่ถ้าเป็นปัญหาครอบครัว สารภาพตามตรง ว่าผมไม่ค่อยอยากจะไปยุ่ง ค่าที่มันเป็นเรื่องในครอบครัว และมักจะเกี่ยวพันด้านอารมณ์มากกว่าเหตุผลซะมาก
ดังนั้น เวลาช่วยเพื่อนหรือน้องๆ แก้ปัญหาครอบครัว ผมจึงมักจะฟังและเสนอให้เค้าหรือเธอเปลี่ยนมุมมองเป็นหลัก ซึ่งมักไม่มีแนวทางแก้ปัญหา มีแต่เค้าหรือเธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง เพราะได้เล่าให้ใครบางคนฟัง ก็เท่านั้นจริงๆ
ผมไม่อาจทราบได้ว่า ท่านอื่นๆ แก้ปัญหายังไงกันบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว...
หลักใหญ่ๆ ในการแก้ปัญหาเรื่องงาน ก็คือการแก้ปัญหาให้เป็นระบบ ดับไฟให้ได้ ก่อนจะคุยเรื่องป้องกันไฟไหม้
ส่วนหลักใหญ่ๆ ในการแก้ปัญหาครอบครัว ก็คือการลดทิฐิส่วนตน ละศักดิ์ศรี และเน้นการให้อภัย...ขอโทษก่อน ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนผิด แต่หมายความว่า เราเห็นครอบครัวสำคัญกว่าทิฐิส่วนตนต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่กำลังมีปัญหา (ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือครอบครัว) ก็ขอให้สู้ๆ นะครับ \(^__^)/
Comments
Post a Comment