Skip to main content

Post#2-279: น้ำใจให้ลูกค้า

Post#2-279:
ช่วงเช้าวานนี้ ผมไปใช้บริการ Fast Food ชื่อดังแห่งหนึ่ง

เนื่องจากแค่ไปนั่งรอประชุม ประกอบกับไม่หิว ก็เลยตั้งใจจะสั่งแค่ French Fried กับน้ำอัดลม มาขำๆ ฆ่าเวลา ซึ่งน้องที่ให้บริการก็คิดราคาให้ตามปกติ "ทั้งหมด 104 บาทค่ะ...แต่"

ประโยคที่ตามหลัง "แต่" นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมต้องมาเล่าให้ฟังต่อ ด้วยเหตุที่ผมประทับใจในการดูแลลูกค้าของน้องเค้าได้เป็นอย่างดี

"...แต่หนูว่าพี่ควรสั่งเป็น set จะถูกกว่าค่ะ ได้เบอร์เกอร์เพิ่มอีก 1 ชิ้น และราคาเพียง 99 บาทเองค่ะ รับเป็น set นะคะ มี 2 set ให้เลือกค่ะ ราคา 99 บาทเท่ากัน"

ผมได้แต่มองหน้าน้องเค้าแล้วยิ้ม ตามด้วยคำตอบตกลงและขอบคุณต่อท้าย...

น้องเค้าเลือกที่จะไม่ใส่ใจก็ได้ครับ ก็รับ 104 บาทไป โดยที่ผมก็ต่อว่าอะไรไม่ได้เพราะผมเลือกเอง แต่น้องเค้าคิดแทนลูกค้าว่า สั่งเป็น set จะคุ้มค่ากว่า เป็นการดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจจริงๆ

ถ้ามีใครเอาเงินมาให้ผมฟรีๆ อย่าว่าแต่ 5 บาท (ที่เป็นส่วนต่างของการซื้อข้างต้น) เลยครับ ผมว่าต่อให้น้องเค้าให้ผม 5,000 บาท ก็ยังไม่ทำให้ผมประทับใจได้เท่านี้

ในยุคที่ลูกค้าเป็นผู้มีอำนาจต่อรองสูงกว่าเช่นนี้ การขายสินค้าอย่างเดียวโดยไม่ใส่ใจเรื่องบริการ คงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้แล้ว และการบริการที่ว่านั้น จะทำให้ได้ใจลูกค้าหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาว่า เป็นการบริการที่ครอบคลุมสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้ร้องขอด้วยมั๊ยหนอ?

การบริการต่างๆ ที่ได้รับทั่วๆ ไปนั้น เป็นการบริการที่ถูกกำหนดให้เป็น Pattern แต่การบริการที่น้องเค้ามอบให้ผมนั้น นอกจากไม่ทำให้ Pattern เสียแล้ว ยังสร้างความประทับใจขึ้นไปอีกขั้น

แต่ถ้าจะใช้คำให้ตรงที่สุดแล้วล่ะก็ สิ่งที่น้องทำให้ผม คงไม่ได้เรียกว่า "การบริการ" หรอกครับ ผมว่าน่าจะเรียกว่า "น้ำใจ" จะเหมาะที่สุด

ขอบคุณน้องผู้น่ารักแห่ง McDonald's สาขานวมินทร์ ไว้ ณ ที่นี้ครับ (ไม่กล้าไปถามชื่อ กลัวโดนมองเจตนาเป็นอื่นครับ)

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...