Post#2-287:
ค่ำวานนี้ ผมไปร่วมงานเลี้ยงฉลองรับปริญญาและงานวันเกิดของลูกพี่ลูกน้อง
ใครใคร่กินก็กินไป ใครใคร่คุยก็คุยกันไป นั่งโต๊ะนู้น ย้ายโต๊ะนี้ ครื้นเครงกันไปมา...เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่น่ารักและอบอุ่น มีการร้อง karaoke และเสียงแซวกันไปมาเป็นที่สนุกสนาน แล้วก็มีการถ่ายรูปกับมหาบัณฑิตป้ายแดงกันตามธรรมเนียม
ตอนหนึ่งของงานเลี้ยง...คุณน้าแม่ของมหาบัณฑิตที่ว่า ก็เดินมานั่งคุยอยู่กับผม และบทสนทนาตอนหนึ่งที่ท่านแชร์ให้ฟังนั้นน่าสนใจมาก
ท่านบอกว่าท่านสอนลูกอยู่เสมอว่า "อยู่อย่างคนรวยไม่มีทางรวย และอยู่อย่างคนจนไม่มีทางจน" ฟังแล้วสะดุ้งนิดๆ เหมือนผมมั๊ยครับ?
...
สภาพสังคมทุกวันนี้ มักให้ความสำคัญกับเปลือกนอกมากกว่าแก่นแท้ ดังนั้น เราอาจจะต้องหันมาพิจารณาให้ชัดเจนว่า ทุกวันนี้เราใช้เงินฟุ้งเฟ้อเพื่อรักษาสถานภาพทางสังคม มากกว่าจะหันมาดูเงินในกระเป๋าหรือไม่
ถ้าคุณมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ แต่ติดหรูต้องกาแฟ Starbucks, ช้อปปิ้ง Paragon, ต้องอยู่คอนโดฯ และต้องมีรถขับ...ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมปลายเดือนคุณจึงต้องพึ่งพามาม่าเป็นสรณะ...เพราะคุณใช้ชีวิตแบบคนรวย คุณจึงยังไม่ใกล้กับคำว่าร่ำรวย
กลับกันที่คนที่มีเงินล้นฟ้า...ยิ่งเค้าขยันเก็บขยันหา เค้าจึงยิ่งมั่งยิ่งมี...เค้ากินกาแฟข้างทาง, แต่งตัวสบายๆ, อยู่บ้านกับพ่อแม่ และพึ่งพา BTS...นั่นเองเค้าจึงมีเหลือเก็บมากกว่าคุณ
ดังนั้นก่อนจะมัวแต่ห่วงเรื่องหน้าตาในสังคม จึงต้องมองความเป็นจริงของตัวเราเองให้มากๆ ก่อน...ไม่ใช่เห็นช้างขี้ เราก็ไปบ้าจี้ขี้ตามช้าง
ช้างนั้นตัวใหญ่ จึงสามารถกินได้เยอะและถ่ายก็เยอะ ส่วนเรานั้นตัวเล็กกว่าช้างมากนัก ถ้าจะกินให้มากเท่าช้าง และถ่ายให้ได้เท่ากัน...มีหวังตายตั้งแต่ตอนกิน ไม่ต้องรอถึงตอนถ่ายหรอกครับ
ถ้าเราไม่ติดหรูเกินฐานะ ก็จะไม่ต้องอัตคัดจนเกินไป ถ้าเรารู้ว่าเราใช้เงินเพื่ออะไร ก็จะรู้ความแตกต่างระหว่างอวดมั่งมีกับมีไว้ให้พอดีกับตัวตน
Comments
Post a Comment