Post#2-275:
เช้าวันวานผมรับสายจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งด้วยความงุนงง เพราะรู้จักท่านมาพักนึง ก็ไม่เคยเห็นว่าท่านจะคุยกับผมแบบนี้มาก่อน
แต่ด้วยภารกิจที่วุ่นวายอยู่ตลอดวัน ทำให้ผมต้องพักความสงสัยไว้ก่อน จนช่วงเย็นค่ำนั่นล่ะครับ ผมจึงได้มีเวลามานั่งทบทวนความสงสัยนั้น
หลังจากใคร่ครวญอยู่เป็นนาน ผมก็สังหรณ์ว่า ท่านอาจจะได้รับข้อมูลบางอย่างไม่ถูกต้องเป็นแน่...ว่าแล้วผมก็ต่อสายไปหาคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นตอของความเข้าใจผิด
ปกติผมแทงหวยไม่เคยถูก ซ้ำยังไม่มีโชคด้านการพนัน แต่กับเรื่องนี้ ต้องบอกว่าผมถูกรางวัลใหญ่
...
หลังจากคุยกับต้นตอ ผมจึงได้เข้าใจว่า ความเข้าใจผิดของผู้ใหญ่ท่านนั้น เกิดจากต้นตอที่ว่าไปคุยกันเองกับน้องอีกคนหนึ่ง และก็เข้าใจกันเองจากข้อมูลน้อยนิดที่พวกเค้ามี แล้วก็นำไปปะติดปะต่อเองอีก
ที่แย่ก็คือ หลังจากคุยกันเองแล้วดันไปเล่าให้ผู้ใหญ่ฟังต่อด้วยโมหะ ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผมผิดไปเรียบร้อย
บางคนอาจคิดว่า ไม่เห็นเป็นไร เข้าใจผิดก็ทำให้เข้าใจให้ถูกซะสิ มานั่งบ่นอยู่ทำไม?
ผมก็เห็นด้วยครับ เพียงแต่ไม่ค่อยชอบใจกับสถานการณ์ที่ไม่ควรต้องเกิดแต่กลับต้องมาเกิดเพราะการ "ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด" แท้ๆ
สิ่งที่ผมกังวลก็คือ "เหตุผล" กับ "ข้ออ้าง" นั้น แท้จริงเป็นเรื่องของมุมมองโดยแท้ ตราบเท่าที่ไม่มีการปรับอารมณ์โดยให้ต้นตอไปเล่าที่มาที่ไปผู้ใหญ่ท่านนั้นเย็นลงซะก่อน ก็ป่วยการที่ผมจะเปลืองตัวไปพูดหรืออธิบาย
...
บางครั้งชีวิตก็เป็นซะอย่างนี้ ตรงที่เจตนากับผลลัพธ์ที่ได้ ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกัน...หวังดีกลับโดนมองว่าแย่ แต่บางทีมีเจตนาซ่อนเร้น แต่ผลลัพธ์กลับเป็นดีซะงั้น
ทั้งหมดทั้งมวลอาจจะเกิดจากโชคชะตาหรืออะไรก็ตามแต่ ผมก็เข้าใจและรับได้ แต่ถ้าเกิดจากข้อมูลบิดเบือนนี่...ตอนที่ผมรู้ก็ทำให้อดเซ็งไม่ได้เอาซะจริงๆ
ผมจึงได้ย้ำนักย้ำหนา ว่าไม่อยากให้ตัวผมเองหรือใครก็ตาม คิดเอาเอง สรุปเอาเอง...
เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องโดนเข้าใจผิดโดยที่เค้าก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุน่ะ มันน่าขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อยเลย
ยิ้มฝืนๆ ให้กับวันแบบนี้...น่าจะดีที่สุดครับ >_<"
Comments
Post a Comment