Skip to main content

Post#2-286: อยากเปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนแปลง

Post#2-286:
หลายๆ ครั้ง เวลาที่เราเจอเหตุการณ์อะไรแย่ๆ หรือเมื่อมาถึงวันหรือวาระสำคัญ เรามักจะชอบตั้งปณิธานใหม่ๆ

เช่น วันนี้โดนนายด่าเพราะมาสายบ่อย ก็จะตั้งปณิธานว่า ต่อไปนี้จะไม่มาสายแล้ว หรือไม่ก็ปีใหม่แล้ว ก็ตั้งปณิธานว่าจะทำนั่น นู่น นี่ เป็นต้น

แต่ที่สุดแล้ว ปณิธานที่ตั้งไว้ก็มักจะไม่บรรลุผล...เคยสงสัยตัวเองมั๊ยครับ ว่าแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้?

ไม่ได้ชวนให้คิดมาหลาย post แล้ว ลองหาคำตอบกันดูมั๊ยครับ ว่าทำไม?

....

สำหรับผม ผมคิดว่าที่ปณิธานต่างๆ ไม่ค่อยจะบรรลุผลนั้น ก็เพราะ...คนเราคาดหวังการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง นั่นเองครับ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปณิธานหรือเป้าหมายหรือความคาดหวัง ส่วนใหญ่มักจะเก่งในการตั้ง แต่ไม่ยักจะใส่ใจที่จะลงมือทำ หรือลงมือทำแต่ก็ทำอะไรแบบเดิมๆ

ก็อย่างที่ผมเคยแชร์ไว้ใน Post#2-274 ว่า ถ้าทำเหมือนๆ เดิม ก็แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็จะคล้ายๆ เดิม ก็แปลว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย

และเมื่อไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แล้วทำไมถึงจะคิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้ล่ะ?

เช่น ตั้งปณิธานว่า พรุ่งนี้จะไม่ไปทำงานสาย แต่ยังนอนดึกๆ เหมือนเดิม แล้วจะตื่นเช้าได้ยังไง? หรืออยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่ไม่ตั้งใจทุ่มเททำงาน แล้วจะมีผลงานเข้าตานายได้ยังไง?

...

เมื่อเราคาดหวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เราจึงต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ซะก่อน

ถ้าไม่เปลี่ยนวิถีชีวิต แล้วปลายทางชีวิตจะเปลี่ยนได้ยังไง? เปรียบเสมือนถ้าขับรถโดยไม่หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเลย ก็แปลว่ารถก็ยังคงมุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่เปลี่ยนแน่นอน

ลองทบทวนตัวเองดูครับ...เราเป็นหนึ่งในคนที่คาดหวังให้มีการเปลี่ยนแปลง โดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลยรึเปล่า?

ถ้าใช่...รู้แล้วใช่มั๊ยครับ ว่าตอนนี้ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรก่อน?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...