Post#2-288:
บ่อยครั้งที่เรามักพบเจอกับเหตุการณ์เดินหน้าไม่ได้ถอยหลังไม่ออก ทั้งกับเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
ถ้าจะให้ร้องเป็นเพลง ก็จะประมาณ "กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง..." (ขออภัยที่เพลงอาจจะเก่าไปนิดนึงนะครับ ^^)
แต่จริงรึเปล่านะ ว่าเราเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้?
หรือว่าจริงๆ แล้วเราออกข้อสอบชีวิตตัวเองให้เป็นปรนัยที่มี 2 คำตอบ ทั้งที่จริงๆ แล้วชีวิตของเราเป็นข้อสอบอัตนัยที่มีคำตอบแบบเปิดกว้าง
เวลาตั้งคำถามให้กับชีวิต บางทีจึงอาจต้องเปลี่ยนวิธีตั้งคำถามบ้าง เพื่อให้เราสามารถประเมินคำตอบของชีวิตได้กว้างขึ้น ไม่ใช่ตั้งคำถามแล้วก็ฝังหัวอยู่แบบนั้น จึงทำให้คำตอบของคำถามที่ว่า มีได้ไม่หลากหลาย
...
ยกตัวอย่างเช่น เรามักจะตั้งคำถามว่า ถ้าฝ่าย A ส่งงานแบบนี้ มา เราก็จะมีทางเลือกแค่ วิธีที่ 1 หรือ 2 เท่านั้น ทั้งที่ถ้าเราไปคุยกับฝ่าย A ให้เปลี่ยนวิธีการทำงาน เราอาจจะมีวิธีที่ 3 หรือ 4 เพิ่มขึ้นมาก็เป็นได้
เอาอีกซักตัวอย่าง เช่นว่า คุณผู้หญิงท่านหนึ่งเห็นรอยลิปสติกที่แขนเสื้อ ก็มโนไปแล้วว่า สามีคงไปทำเรื่องไม่ดีไว้ ไม่ข้อหนึ่ง...เที่ยวผู้หญิง ก็ข้อสอง...แอบไปมีกิ๊ก พอสามีกลับมาก็บังคับให้สารภาพว่า เป็นข้อไหน
แม้ที่จริงรอยลิปสติกที่ว่า อาจจะมาจากตอนโหนราวรถเมล์แล้วมีคุณผู้หญิงอีกคนเซมาโดน แล้วสามีก็ไม่ทันได้รู้ตัวซะด้วยซ้ำ
ถ้าภรรยาไม่ปักใจกับวิธีตั้งคำถามของตัวเอง ก็อาจจะถามสามีว่า รอยลิปสติกที่เห็นนี่มาได้ยังไง ซึ่งเชื่อเถอะครับว่าสามีตัวเองโกหกรึเปล่า คนที่เป็นภรรยานั้นรู้ดีที่สุด
ยกตัวอย่างแบบนี้...รับรองว่าไม่ใช่ประสบการณ์ตรงของผมแน่ๆ แต่คนที่ผมรู้จักโดนภรรยาเข้าใจผิดมาจนวันนี้ทีเดียว
ตั้งคำถามแบบมีคำตอบล่วงหน้า กับตั้งคำถามแบบเปิดโอกาสให้ชี้แจง จึงต่างกันฉะนี้ครับ...
Comments
Post a Comment