Post#2-271:
ผมมีความเชื่ออยู่อย่างว่า ในทุกๆ องค์กรมักจะมีช้างเผือกที่คลุกโคลนซ่อนอยู่เสมอล่ะครับ...อยู่ที่ว่าเราจะดูออกมั๊ยเท่านั้น
ที่ผมเปรียบเปรยว่าเป็นช้างเผือกคลุกโคลนนั้น ก็เป็นเพราะว่า คนเก่งในองค์กรมีหลายแบบ ทั้งแบบเก่งไม่จริงแต่ชอบโชว์ออฟ, ทั้งแบบเก่งจริงๆ แต่ชอบก้มหน้าก้มตาทำงานไป เอาความดีเข้าแลก ไม่ใช่เอาแต่ทำงานเอาหน้า
พวกหลังนี่ล่ะครับ ที่เป็นช้างเผือกคลุกโคลน ซึ่งถ้าหาเจอและส่งเสริมเค้าให้ดี ก็เท่ากับองค์กรนั้นถูกล็อตเตอรี่ แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากมองเห็นแต่โคลนที่ตัวช้าง แต่ไม่ยักเห็นสีขาวที่อยู่ใต้โคลน
...
เมื่อครั้งขงเบ้งแนะนำให้บังทองไปพบเล่าปี่ แม้เล่าปี่จะได้ชื่อว่าเก่งด้านคน แต่ก็มองแค่รูปลักษณ์ภายนอกของบังทอง จึงไม่กล้ามอบงานสำคัญให้ และส่งไปให้เป็นนายอำเภอในเมืองห่างไกล (ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ยังให้งานรักษาน้ำใจ ไม่เหมือนซุนกวนที่ชวดได้ตัวบังทองไว้ ทั้งที่มีโอกาสได้เห็นฝีมือมาแล้ว แต่ไม่ชอบรูปลักษณ์และนิสัยของบังทอง)
เมื่อบังทองไปอยู่เมืองห่างไกล เห็นว่างานไม่สมศักดิ์ศรีก็ไม่ได้เอาใจใส่ในงาน ปล่อยงานกองสุมไว้เป็นนาน ร้อนถึงเตียวหุยจอมเลือดร้อนที่พอได้ข่าวก็รีบแจ้นจะมาเล่นงานบังทองให้สาสม
เมื่อพบหน้า เตียวหุยก็ต่อว่าต่อขานคาดโทษใหญ่โต แต่นอกจากบังทองจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังท้าทายด้วยว่า งานเล็กน้อยแต่นี้ ไม่กี่ชั่วโมงก็จัดการเสร็จสิ้น และบังทองก็ทำได้อย่างที่ว่าจริงๆ
แล้วจากวันนั้น หงส์อ่อน (ฉายาของบังทอง) จึงได้สยายปีกคู่กับมังกรหลับ (ฉายาของขงเบ้ง) เป็นต้นมา และมีส่วนสำคัญให้เล่าปี่ได้ครองเสฉวนตามแผนแบ่งดินแดนเป็น 3 ก๊ก ทุกประการ
...
ช้างเผือกคลุกโคลนอย่างบังทอง มีอิทธิพลต่อความรุ่งเรืองของเล่าปี่ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าเราค้นพบช้างเผือกคลุกโคลนในองค์กรของเราบ้างล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง?
น่าเสียดายที่คนเก่งแต่ปาก (ทั้งพูดเก่งและชเลียร์เก่ง) มีอยู่ในองค์กรมากกว่าคนเก่งแต่ไม่ค่อยพูด...เมื่อใดที่ช้างเผือกคลุกโคลนพบควาญช้างที่เห็นสีเผือกภายใต้โคลนนั้น มีหรือจะไม่อยากเปลี่ยนควาญช้าง?
เปรียบเทียบให้ง่ายขึ้นอีกนิด...ก็เหมือนเราถือล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลอยู่ แต่ไม่ได้ตรวจรางวัล สุดท้ายเราก็ทิ้งไว้จนลืม จนวันหนึ่งเอามาตรวจดู ก็พบว่าเลยวันขึ้นรางวัลไปซะแล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้...เขกหัวตัวเองยังน้อยไปมั๊ยครับ?
Comments
Post a Comment