Post#2-272:
กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอดีตลูกน้องท่านหนึ่งโทรมาปรึกษาเรื่องอยากจะเปลี่ยนงาน
ความจริงเรื่องการเปลี่ยนงานนี้ เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาสามัญหากเรามองในมุมกว้างๆ หากแต่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอาการ หากว่าเป็นการเปลี่ยนงานของคนที่ทำงานในที่เดิมๆ มานับสิบปี
โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ไม่ค่อยชอบเปลี่ยนแปลง และยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับอนาคตของตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งจะกังวลมากเป็นพิเศษ และจะกังวลมากเกินพิเศษขึ้นไปอีก ถ้าเป็นคนที่มีลูกเล็กๆ ต้องดูแล
...
โดยมากแล้วการเปลี่ยนงานมีสาเหตุหลักๆ อยู่ไม่กี่สาเหตุ ไม่เกิดจากทนนายไม่ได้ก็เกิดจากได้งานใหม่ที่ค่าตอบแทนสูงกว่า
แบบแรก ผมเล่าไปหลายหนแล้ว ว่าเงินไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตการทำงาน แต่ต้องคำนึงถึงความสุขที่ได้ทำงานด้วยเช่นกัน (Post#2-267)
ส่วนแบบที่สอง ต้องคิดหนักนิดนึงครับ ว่าเงินที่จะได้มากขึ้นนั้น เราต้องแลกด้วยอะไร?
...
ค่าตอบแทนที่สูงขึ้นมากๆ มาพร้อมกับความคาดหวังที่จะสูงมากๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก่อนจะกระโดดไปรับงานใหม่เพราะตาโตกับค่าตอบแทน ต้องเข้าใจ Job Description และ Scope of Work ให้ชัดเจนก่อน
น้องส่วนหนึ่ง พอได้ยินเรื่องค่าตอบแทนปุ๊บ สติจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่คุยรายละเอียดให้ชัด รีบจะไปรับงานใหม่จนเกินงาม จบกับที่ทำงานเก่าไม่สวยเอาซะเลย
คราวนี้พอไปรับงานที่ใหม่ ก็เจอภาพที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน ก็แน่นอนรับเงินเยอะ งานก็เยอะ ความคาดหวังก็มาก แล้วถ้าความสามารถของตัวเองสูงไม่พอ ก็เตรียมตัว "ตกสวรรค์" ไว้ได้เลย
...
ส่วนอีกพวกเวลาจะเปลี่ยนงาน จะเป็นแบบกลัวๆ กล้าๆ เปลี่ยนดีไม่เปลี่ยนดี ลังเลอยู่อย่างนั้น บางคนรับปากที่ใหม่ไปแล้ว โดนที่เก่ากล่อมจนไม่ย้ายก็มี หรือไม่ก็ไปเริ่มงานใหม่ได้ไม่นาน ก็โผกลับไปรังเดิม
ถ้าไม่แน่ใจ ที่เก่าดึงไว้ก็อย่าดื้อ อยู่ที่เดิมไปจะทำให้เรามีคุณค่ามากกว่า แล้วก็อย่าไปคิดจะย้ายงานอีกในระยะสั้นๆ เพราะจะทำให้เราดูแย่มาก
ส่วนที่พลาดไปที่ใหม่แล้ว คิดจะกลับที่เก่าก็ต้องดูให้ดีๆ ว่าถ้ากลับไปแล้ว คุณค่าในตัวยังจะเหลืออยู่มั๊ย?...กลับไปอย่างคนที่เค้าต้องการ กับซมซานกลับไปนั้น มันต่างกันเยอะจริงๆ
...
ก่อนเปลี่ยนงานจึงต้องคิดให้รอบคอบ คุยให้ชัดเจน และเมื่อตัดสินใจแล้วอย่าแกว่งอย่าลังเล...ตัดสินใจถูกหรือผิดนั้นไม่มีใครบอกได้ แต่ถ้ามัวแต่กลัวๆ กล้าๆ แล้วล่ะก็...
จบไม่สวยเอาจริงๆ ครับ -"-
Comments
Post a Comment