Post#2-290:
เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา มีโอกาสได้คุยสายกับรุ่นพี่คนหนึ่ง สมมติว่าชื่อพี่เอ ก็แล้วกันนะครับ
พี่เอค่อนข้างเป็นห่วงที่ผมดูจะบ้างานจนเกินความพอดี จนละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเองไปมาก...มากจนอาจจะทำให้ที่สุดแล้ว อาจจะได้ไม่คุ้มเสียรึเปล่า
ว่ากันตามจริง...ช่วงนี้ผมเผชิญกับความท้าทายของงานมากเป็นพิเศษ จากที่เคยทำงานหนักเป็นกิจวัตร ก็กลายเป็นตอนนี้หนักกว่าเดิมมาก มากจนแทบหาเวลาว่างให้กับตัวเองไม่ได้เลย อย่างที่พี่เอตำหนิ
แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ ในเมื่อผมเลือกที่จะทำหลายๆ project พร้อมๆ กัน และเมื่อเริ่มแล้ว ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่กับทุกๆ project ที่อยู่ในมือ
...
ความจริงผมสนุกมากๆ กับการได้เผชิญกับความท้าทายหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน และยังมีขีดความสามารถในการคิดและสร้างความเป็นได้ทางธุรกิจอื่นๆ อีกมาก
หากแต่ผมก็มิอาจฝืนความจริงได้ว่า เวลาในแต่ละวันนั้นก็มีแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง...
หนึ่งในความท้าทายของชีวิตการทำงานก็ซ่อนอยู่ตรงนี้...คือเราจะบริหารคน, บริหารเงิน และบริหารเวลา ยังไงดี ให้เกิดความลงตัวได้มากที่สุด
คนที่หาความลงตัวและสอดคล้องของการบริหาร 3 สิ่งนี้ได้ จึงนับเป็นสุดยอดนักบริหารที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง
ทำยังไงจึงจะบริหารคนได้แบบ "put the right man to the right job" ?
ทำยังไงจึงจะบริหารเงินได้แบบ "หาให้ได้ทันใช้" หรือบางคนอาจจะบอกว่า "ใช้ให้น้อยกว่าหา" ?
ทำยังไงจึงจะบริหารเวลาได้แบบ "เต็มที่กับการทำงาน แต่ยังมีเวลาสำราญให้กับชีวิต" ?
คำถามเหล่านี้ล้วนวนเวียนอยู่ในชีวิตของเรา อย่างยากนักที่จะได้คำตอบ เป็นเรื่องปัจเจกซ้อนกับการต่างกรรมต่างวาระเสียนี่กระไร
...
สำหรับคนที่อยู่ตัวคนเดียว อาจจะหาคำตอบได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่มีคู่แล้ว นี่ก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายขึ้น ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่มีลูกด้วยแล้ว โจทย์นี้ก็จะยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าทวี
บางคนอาจจะรู้สึกว่า ไม่ยากหรอก ก็แค่รู้จัก "พอ" แต่ผมกลับกังวลว่า แท้ที่จริงแล้ว เราพอที่ใจหรือพอที่สมองกันแน่?
ถ้าพอที่ใจ เราก็ใกล้เคียงกับโลกุตระ แต่หากพอที่สมอง เราก็ยังย่ำอยู่ในโลกียะเช่นเดิม..."คิดได้" กับ "ทำได้" จึงต่างกันเยอะ ห่างกันไกล
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการบริหาร 3 สิ่งที่ว่าในระดับโลกียะ และขอให้ถึงพร้อมในการบริหารความปล่อยวางในระดับโลกุตระนะครับ
Comments
Post a Comment