Skip to main content

Post#4-025: วิธีการของบริษัทข้ามชาติ

Post#4-025:
เมื่อวานนี้ หลังประชุมเสร็จ ผมเหลือเวลาอยู่พอควรก่อนต้องไปสนามบิน...จึงไม่พลาดที่จะต้องไปสำรวจร้านในดวงใจอย่าง Apple Store

สาขาที่ผมไปอยู่ที่ Tsim Sha Tsui บน Canton Road ตรงข้ามกับ Harbour City ที่คนไทยเราชอบไปช้อปปิ้งกันนั่นเองครับ

อย่างเมื่อวานนี้ ผมเจอคนไทยแทบจะทุกหัวถนนก็ว่าได้...คิดว่าเรื่อง shopping นั้น ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ชาวไทยคงไม่แพ้ใครๆ ในโลก กระมัง?

...

เทียบกับที่ USA แล้ว ผมต้องบอกว่าทั้งหน้าตาและการจัดการโดยรวมแทบจะไม่ต่างกันเลย...ที่ทำให้รู้ว่าอยู่ในฮ่องกงไม่ใช่ USA ก็คือ Staff ที่มีแต่อาตี๋กับอาหมวย...แค่นั้น

และตลาดฮ่องกงน่าจะใหญ่และมีศักยภาพมากพอที่ทาง Apple จะให้ความสำคัญในระดับที่ต้องมี Apple Store เอง โดยไม่ผ่าน AAR หรือ APR แบบในประเทศไทย

ได้ข่าวแว่วๆ มา ว่า ทาง Apple กำลังมองๆ หาที่เปิด Apple Store ในกรุงเทพฯ อยู่เหมือนกัน...และเมื่อไหร่ที่มาเปิดจริงๆ ก็น่าจะส่งผลกระทบไปยังบรรดา AAR และ APR เป็นอย่างมากแน่ๆ

...

จะว่าไป Business Model ของบริษัทข้ามชาตินั้น กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ก็ยังคง pattern ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก

คือมักเริ่มต้นด้วยการแต่งตั้ง Distributor เพื่อให้เป็นตัวแทนในการสร้างเครือข่ายการค้า, ทำการตลาดสร้างฐานลูกค้า และสร้างความแข็งแกร่งของ Brand

เมื่อเห็นว่า ตัวเองเรียนรู้และเข้าใจสภาพการค้าและสร้างฐานลูกค้าได้มากพอแล้ว ก็มักจะมาทำตลาดเสียเอง...โดยไม่ค่อยจะสนใจไยดีว่า Distributor ที่ลำบากสร้างตลาดให้ตัวเองมานั้น จะเป็นยังไง

ถ้าเริ่มต้นด้วย Joint Venture เค้าก็จะใช้วิธีเพิ่มทุนมากๆ เพื่อให้ทางฝั่งไทยเหลือสัดส่วนที่น้อยมากๆ จนไม่มีอำนาจบริหาร...แล้วค่อยหาวิธี buy out ในภายหลัง

..."เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" จึงเป็นสุภาษิตที่อธิบายถึงวิถีทางทางธุรกิจของบริษัทข้ามชาติได้ชัดเจนที่สุดครับ...

*AAR และ APR เป็นแค่ชื่อเรียกตัวแทนขายของ Apple ครับ

#ขุนหมูให้อ้วนพีแล้วก็เชือดทิ้ง #เมื่อวันนั้นมาถึงAARกับAPRรายเล็กๆจะทำไงดี #แย่นะแต่นี่คือชีวิตจริงๆ #ใครอยู่ในBusinessModelแบบนี้อย่านอนใจ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...