Post#4-040:
เที่ยงนี้ ผมและครอบครัวมีนัดทานข้าวกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อพี่ N นะครับ) ซึ่งท่านให้ความรักและเอ็นดูกับลูกสาวของผมมากเหลือเกิน
มื้อนี้ถือเป็นการฉลองวันเกิดย้อนหลังให้กับลูกสาวของผม ซึ่งพี่ N ก็จัดให้ทุกปี ตั้งแต่ลูกสาวผมอายุได้ 4 ขวบ
ผมและภรรยาจึงรู้สึกเป็นหนี้ของความรักและเอ็นดูของพี่ N ที่มีให้กับลูกสาวของผมแบบมิรู้ลืม
...
ช่วงท้ายของมื้ออาหาร...ก็มีการเป่าเทียนวันเกิดกันตามธรรมเนียม และพี่ N ก็กรุณาให้พรให้เป็นเด็กรู้จักคิด และสั่งสอนลูกสาวผมว่า "ไม่ว่าจะลงมือทำอะไรก็ตามแต่ จงคิด...คิด...และคิด ก่อนที่จะทำ"
นอกจากนั้น พี่ N ก็เล่าต่อว่า "สมัยพี่เป็นเด็ก อายุประมาณ 14 ปี...ก็ต้องจากพ่อและแม่ไปเรียนต่างประเทศ..."
"ก่อนจะไป คุณพ่อสอนว่า ก่อนจะทำอะไร ให้เอากระดาษมาหนึ่งแผ่น แล้วก็แบ่งกระดาษเป็นสองข้าง...ข้างหนึ่งเขียนข้อดี และอีกข้างหนึ่งเขียนข้อเสีย"
พี่ N บอกว่า การทำแบบนี้ จะทำให้เราได้คิด ไตร่ตรอง และเปรียบเทียบความคุ้มค่าว่าเรื่องนั้นๆ เราควรจะทำมันลงไปหรือไม่
...
ถ้าเราไม่โกหกหรือเข้าข้างตัวเอง...การรู้จักไตร่ตรองให้เห็นชัดเจนว่า อะไรคือข้อดี และอะไรคือข้อเสีย...ก็จะทำให้เราได้รู้จักที่จะคิด...คิด...และคิด อย่างที่พี่ N สอนลูกสาวของผมไว้
ผมเห็นด้วยกับพี่ N อย่างที่สุด...เพราะการทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบนั้น โดยมากมักจะนำมาซึ่งความได้ไม่คุ้มเสีย
จึงนับว่าลูกสาวผม ได้รับพรและข้อคิดสำคัญไว้ใช้เตือนสติ...และจะใช้ได้จนชั่วชีวิตของเธอเป็นแน่
...ข้อคิดดีๆ จึงเหมือนพรจากฟากฟ้า ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเมื่อวาน หากว่าเรารู้ฟัง, รู้คิด, รู้จักตั้งคำถาม และรู้จักบันทึกไว้จดจำ ครับ...
#เป็นคำพรอันมีค่ายิ่ง #รู้อะไรจะดีเท่ารู้จักคิด #หัวใจนักปราชญ์คือฟังพูดถามเขียน
เที่ยงนี้ ผมและครอบครัวมีนัดทานข้าวกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อพี่ N นะครับ) ซึ่งท่านให้ความรักและเอ็นดูกับลูกสาวของผมมากเหลือเกิน
มื้อนี้ถือเป็นการฉลองวันเกิดย้อนหลังให้กับลูกสาวของผม ซึ่งพี่ N ก็จัดให้ทุกปี ตั้งแต่ลูกสาวผมอายุได้ 4 ขวบ
ผมและภรรยาจึงรู้สึกเป็นหนี้ของความรักและเอ็นดูของพี่ N ที่มีให้กับลูกสาวของผมแบบมิรู้ลืม
...
ช่วงท้ายของมื้ออาหาร...ก็มีการเป่าเทียนวันเกิดกันตามธรรมเนียม และพี่ N ก็กรุณาให้พรให้เป็นเด็กรู้จักคิด และสั่งสอนลูกสาวผมว่า "ไม่ว่าจะลงมือทำอะไรก็ตามแต่ จงคิด...คิด...และคิด ก่อนที่จะทำ"
นอกจากนั้น พี่ N ก็เล่าต่อว่า "สมัยพี่เป็นเด็ก อายุประมาณ 14 ปี...ก็ต้องจากพ่อและแม่ไปเรียนต่างประเทศ..."
"ก่อนจะไป คุณพ่อสอนว่า ก่อนจะทำอะไร ให้เอากระดาษมาหนึ่งแผ่น แล้วก็แบ่งกระดาษเป็นสองข้าง...ข้างหนึ่งเขียนข้อดี และอีกข้างหนึ่งเขียนข้อเสีย"
พี่ N บอกว่า การทำแบบนี้ จะทำให้เราได้คิด ไตร่ตรอง และเปรียบเทียบความคุ้มค่าว่าเรื่องนั้นๆ เราควรจะทำมันลงไปหรือไม่
...
ถ้าเราไม่โกหกหรือเข้าข้างตัวเอง...การรู้จักไตร่ตรองให้เห็นชัดเจนว่า อะไรคือข้อดี และอะไรคือข้อเสีย...ก็จะทำให้เราได้รู้จักที่จะคิด...คิด...และคิด อย่างที่พี่ N สอนลูกสาวของผมไว้
ผมเห็นด้วยกับพี่ N อย่างที่สุด...เพราะการทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบนั้น โดยมากมักจะนำมาซึ่งความได้ไม่คุ้มเสีย
จึงนับว่าลูกสาวผม ได้รับพรและข้อคิดสำคัญไว้ใช้เตือนสติ...และจะใช้ได้จนชั่วชีวิตของเธอเป็นแน่
...ข้อคิดดีๆ จึงเหมือนพรจากฟากฟ้า ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเมื่อวาน หากว่าเรารู้ฟัง, รู้คิด, รู้จักตั้งคำถาม และรู้จักบันทึกไว้จดจำ ครับ...
#เป็นคำพรอันมีค่ายิ่ง #รู้อะไรจะดีเท่ารู้จักคิด #หัวใจนักปราชญ์คือฟังพูดถามเขียน
Comments
Post a Comment