Post#4-028:
คงมีบ้างบางครั้ง ที่เราต้องเจอกับสภาพความขัดแย้งของบทบาท หรือที่เราเรียกว่า Role Conflict
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นคุณเป็นตำรวจ แต่ไปพบว่าลูกของตัวเองกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่...ถามว่า คุณจะเลือกปกป้องลูกในฐานะพ่อ หรือเลือกจับคนทำผิดกฎหมายในฐานะตำรวจ?
เอาตัวอย่างที่ตัดสินใจยากขึ้นอีกนิด...ถ้าคุณเป็นครู แล้วให้บังเอิญได้สอนลูกตัวเอง ถามว่า เมื่อใกล้สอบคุณจะติวพิเศษให้ลูกในฐานะแม่ หรือจะแนะแนวเค้าในฐานะครู หรือจะปล่อยให้เค้าอ่านหนังสือเอง เพราะกลัวคำครหา?
...
เรื่อง Role Conflict นี้ จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับเราได้บ่อย เกือบจะเป็นเรื่องทุกเมื่อเชื่อวัน
ความจริงแล้ว เรื่องจะไม่ยุ่งเลย ถ้าคุณบอกตัวเองได้แน่ชัดว่า คุณกำลังเล่นบทบาทอะไรอยู่
...แม้กระนั้น ความจริงกับความรู้สึก มันก็ช่างเป็นเรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกได้อย่างเหลือแสน
...
บ่อยครั้งคนเป็นตำรวจจึงรู้สึกว่า เราเป็นพ่อที่กำลังจะจับลูกตัวเอง ไม่ได้รู้สึกว่า ที่ถูกแล้ว หน้าที่ตำรวจก็ต้องจับผู้ร้าย ส่วนหน้าที่พ่อน่ะ ต้องไปประกันตัวลูกออกมาสู้คดี
ผมบอกได้แค่ว่า การเลือกเป็นตำรวจที่บกพร่องในหน้าที่ ไม่ได้แปลว่า ตัวเองจะเป็นพ่อที่ดี...
ตรงกันข้าม เสียทั้งความเป็นตำรวจ ที่ปล่อยคนผิดลอยนวล และเสียทั้งความเป็นพ่อ ที่ส่งเสริมให้ลูกทำชั่วอีกต่างหาก
...
บ่อยครั้งคนเป็นครูจึงคิดว่า ถ้าติวแล้วลูกได้คะแนนดี ก็จะโดนครหาว่าลำเอียง แต่ถ้าปล่อยลูกไปตามยถากรรม แล้วลูกได้คะแนนแย่ ตัวเองก็จะทั้งเสียหน้า และบกพร่องในฐานะแม่...แย่จัง
ผมก็บอกได้แค่ว่า ตราบเท่าที่คุณไม่ได้เอาข้อสอบมาบอกลูก และดูแลนักเรียนทุกคนเท่าเทียมกัน...ก็ไม่มีอะไรทำให้ต้องก้มหน้าหลบตาผู้คน
ใครจะคิดยังไง...เราห้ามไม่ได้ แต่ความจริงจะพิสูจน์ได้ ว่าลูกเก่งเฉพาะวิชาที่เราสอนรึเปล่า?
...
เรายังอาจเจอ Role Conflict ได้อีกมากในชีวิตการทำงาน
บางครั้งเราต้องทำงานกับคนที่เราไม่ชอบหน้า, บางครั้งเราก็ต้องก้มหัวให้ลูกค้าที่เอาแต่ใจ, บางครั้งเราก็ต้องไหว้เจ้านายที่ไม่ได้เคารพ, ฯลฯ
...แยกให้ออกครับ ว่าสิ่งที่กำลังคิด, พูด หรือทำ กับอีกฝ่ายน่ะ เรากำลัง deal กับเค้าในฐานะอะไร...มืออาชีพต้องไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน...
คงมีบ้างบางครั้ง ที่เราต้องเจอกับสภาพความขัดแย้งของบทบาท หรือที่เราเรียกว่า Role Conflict
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นคุณเป็นตำรวจ แต่ไปพบว่าลูกของตัวเองกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่...ถามว่า คุณจะเลือกปกป้องลูกในฐานะพ่อ หรือเลือกจับคนทำผิดกฎหมายในฐานะตำรวจ?
เอาตัวอย่างที่ตัดสินใจยากขึ้นอีกนิด...ถ้าคุณเป็นครู แล้วให้บังเอิญได้สอนลูกตัวเอง ถามว่า เมื่อใกล้สอบคุณจะติวพิเศษให้ลูกในฐานะแม่ หรือจะแนะแนวเค้าในฐานะครู หรือจะปล่อยให้เค้าอ่านหนังสือเอง เพราะกลัวคำครหา?
...
เรื่อง Role Conflict นี้ จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับเราได้บ่อย เกือบจะเป็นเรื่องทุกเมื่อเชื่อวัน
ความจริงแล้ว เรื่องจะไม่ยุ่งเลย ถ้าคุณบอกตัวเองได้แน่ชัดว่า คุณกำลังเล่นบทบาทอะไรอยู่
...แม้กระนั้น ความจริงกับความรู้สึก มันก็ช่างเป็นเรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกได้อย่างเหลือแสน
...
บ่อยครั้งคนเป็นตำรวจจึงรู้สึกว่า เราเป็นพ่อที่กำลังจะจับลูกตัวเอง ไม่ได้รู้สึกว่า ที่ถูกแล้ว หน้าที่ตำรวจก็ต้องจับผู้ร้าย ส่วนหน้าที่พ่อน่ะ ต้องไปประกันตัวลูกออกมาสู้คดี
ผมบอกได้แค่ว่า การเลือกเป็นตำรวจที่บกพร่องในหน้าที่ ไม่ได้แปลว่า ตัวเองจะเป็นพ่อที่ดี...
ตรงกันข้าม เสียทั้งความเป็นตำรวจ ที่ปล่อยคนผิดลอยนวล และเสียทั้งความเป็นพ่อ ที่ส่งเสริมให้ลูกทำชั่วอีกต่างหาก
...
บ่อยครั้งคนเป็นครูจึงคิดว่า ถ้าติวแล้วลูกได้คะแนนดี ก็จะโดนครหาว่าลำเอียง แต่ถ้าปล่อยลูกไปตามยถากรรม แล้วลูกได้คะแนนแย่ ตัวเองก็จะทั้งเสียหน้า และบกพร่องในฐานะแม่...แย่จัง
ผมก็บอกได้แค่ว่า ตราบเท่าที่คุณไม่ได้เอาข้อสอบมาบอกลูก และดูแลนักเรียนทุกคนเท่าเทียมกัน...ก็ไม่มีอะไรทำให้ต้องก้มหน้าหลบตาผู้คน
ใครจะคิดยังไง...เราห้ามไม่ได้ แต่ความจริงจะพิสูจน์ได้ ว่าลูกเก่งเฉพาะวิชาที่เราสอนรึเปล่า?
...
เรายังอาจเจอ Role Conflict ได้อีกมากในชีวิตการทำงาน
บางครั้งเราต้องทำงานกับคนที่เราไม่ชอบหน้า, บางครั้งเราก็ต้องก้มหัวให้ลูกค้าที่เอาแต่ใจ, บางครั้งเราก็ต้องไหว้เจ้านายที่ไม่ได้เคารพ, ฯลฯ
...แยกให้ออกครับ ว่าสิ่งที่กำลังคิด, พูด หรือทำ กับอีกฝ่ายน่ะ เรากำลัง deal กับเค้าในฐานะอะไร...มืออาชีพต้องไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน...
Comments
Post a Comment